การเข้าใจเรื่องภวังคจิตกับชีวิตประจำวัน
ผู้ฟัง ที่ท่านอาจารย์ได้แสดงมาทั้งหมด ไม่ว่า อตีตภวังค์ ภวังคจลนะ ภวังคุปัจเฉทะ ปัญจทวาร สัมปฏิจฉันนะ สันตีรณะ นั้น ไม่เคยปรากฎกับกระผมเลย
ท่านอาจารย์ ไม่ปรากฎ แต่เข้าใจได้ ว่าแต่ละขณะ ไม่มีใครบังคับบัญชาได้เลย เป็นไปตามปัจจัยทั้งหมด
ผู้ฟัง ถ้าเป็นเหตุผลอย่างนี้ ก็เข้าใจได้ว่า พระพุทธเจ้าทรงแสดงธรรมตามความเป็นจริงอย่างนั้น แล้วก็มีจริงอย่างนั้น แต่ในชีวิตประจำวัน พอเห็นก็รู้ว่า เป็นคน เป็นสัตว์ ทันที แล้วก็ชอบ หรือไม่ชอบ ตามที่ท่านอาจารย์ได้กล่าว ก็แสดงให้รู้ว่าปัญญาในขั้นการฟังก็รู้เพียงแค่นี้เอง แต่ที่จริงแล้วยังมีธรรมที่ละเอียด และลึกซึ้งมากกว่าที่ยังไม่รู้ ความเข้าใจของผู้ฟังธรรม ก็ควรจะรู้จักประมาณตัวเอง ว่าเมื่อฟังพระธรรมที่มีความละเอียดลึกซึ้งแล้ว ก็เข้าใจสติปัญญาตัวเอง ฟังพระธรรมตรงนี้ก็หมายถึงว่าเป็นการศึกษาตัวเอง ว่ามีความเข้าใจ มีปัญญาได้ในระดับใด แต่ไม่ใช่ไปคิดเอาว่าจะเป็นอย่างนั้น จะเป็นอย่างนี้ หรือว่าไปเขียนพระไตรปิฎกขึ้นมาใหม่ เป็นความเข้าใจที่ผิด หรือถูกต้อง
ท่านอาจารย์ ก็เป็นการอบรมความรู้ จากสิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ให้ทราบว่าจิตขณะนี้เกิดดับ ประมาณไม่ได้เลย และรูปก็เกิดดับ เร็วมาก เพราะฉะนั้นการฟังทำให้เข้าใจว่า ไม่มีสัตว์ ไม่มีบุคคล ไม่มีตัวตน แต่ต้องอาศัยความเข้าใจจากการฟัง ที่จะเข้าใจสิ่งที่มี จนกว่าวันหนึ่งก็สามารถที่จะประจักษ์ความจริงได้