พระพุทธศาสนาไม่ใช่วิชาบังคับ
ท่านที่นั่งอยู่ที่นี่เป็นผู้ที่สนใจ และค่อยๆ ศึกษาจนกระทั่งเข้าใจขึ้น ก็จะได้ถ่ายทอดความเข้าใจเท่าที่จะทำได้ และผู้รับก็สำคัญ คือ นักเรียนจะมีความสนใจมากน้อยแค่ไหน ก็อยู่ที่เขาจะเห็นประโยชน์หรือไม่เห็นประโยชน์ เพราะว่าถ้าเป็นเรื่องของพระพุทธศาสนา จริงๆ แล้วไม่ใช่เรื่องวิชาบังคับ เป็นเรื่องสัทธาของแต่ละคน จะได้ผลมากกว่าการที่เราบังคับว่า ทุกคนต้องมาศึกษาพุทธศาสนา แม้ว่าเขาไม่สนใจเลย แต่แทนที่จะบังคับ เป็นวิชาที่พยายามให้คนเห็นว่า มีประโยชน์อย่างไร แล้วคนที่เห็นประโยชน์เขาก็จะมาศึกษา แต่เราจะไปฝืนคนที่ไม่สนใจให้มาสนใจ เขาก็จะไม่ได้อะไรเลย
ก็สอนให้เข้าใจธรรมตามลำดับที่จะสอนได้เท่านั้นเอง เพราะจริงๆ แล้วเป็นเรื่องอิสระจริงๆ ตามโรงเรียนก็ช่วยได้ในเรื่องของจริยศึกษา คือ เมื่อมีความเข้าใจในเรื่องบาปบุญคุณโทษต่างๆ ก็ชี้แนะในเรื่องของกุศลให้เจริญ เช่น บุญกิริยาวัตถุ ถ้าเขาสามารถที่จะมีความเข้าใจว่า กุศลไม่เฉพาะทาน การให้ เขาก็อาจจะเข้าใจตัวเขาเองว่าขณะไหนบ้างที่เป็นกุศล ขณะไหนบ้างเป็นอกุศล เช่น ขณะที่กำลังก้าวร้าว เขาก็คงจะตอบได้ว่า ขณะนั้นเป็นอกุศล และอกุศลในชีวิตจริงๆ ของแต่ละคน เราก็อาจจะมีตัวอย่างที่ยกขึ้นมาได้ว่าเป็นอกุศลประเภทไหน แล้วก็เป็นกรรมประเภทไหน