โลกุตตรมรรคจิตเกิดเพียงขณะเดียว
แม้ว่าโลกุตตรมัคคจิตคือ โสตาปัตติมัคคจิตจะเกิดขึ้นเพียงขณะเดียว ไม่เหมือนกับกุศลอื่น กุศลอื่นเช่น กามาวจรกุศล เกิดดับซ้ำกันแล่นไปในอารมณ์ถึง ๗ ขณะ หรือว่ารูปาวจรกุศลจิตในตอนที่เริ่มเกิดจะเกิดขึ้นเพียงขณะเดียว แต่เมื่อเป็นผู้ที่ชำนาญแล้ว รูปาวจรกุศลจิต แล้วแต่ว่าจะเป็นปฐมฌาน หรือทุติยฌานตติยฌาน จตุตตฌาน ปัญจมฌาน จะเกิดมากมายหลายขณะ โดยที่ไม่มีภวังค์คั่น นับเป็นชั่วโมง นับเป็นวันได้ และสำหรับอรูปวจรกุศลจิตก็เช่นเดียวกัน แต่สำหรับโลกุตตรกุศลจิต คือ มัคคจิต ในสังสารวัฏฏ์จะเกิดขึ้นเพียงขณะเดียวเท่านั้น
โสตาปัตติมัคคจิต ไม่เกิด ๒ ครั้ง ไม่เกิด ๓ ครั้ง๔ - ๕ - ๖ - ๗ ครั้ง เพราะเหตุว่าโลกุตตรกุศลจิตกระทำกิจดับกิเลสเป็นสมุจเฉท เมื่อกิเลสประเภทนั้นดับแล้ว กิเลสประเภทนั้นจะไม่เกิดมาให้มัคคจิตชนิดเดียวกันนั้นดับลงไปอีก ไม่จำเป็นที่จะต้องดับซ้ำ เพราะเหตุว่าเป็นการปหานเป็นสมุจเฉท
เพราะฉะนั้นโสตาปัตติมัคคจิตในสังสารวัฏฏ์จะเกิดขึ้นเพียงขณะเดียว ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่มนุษย์บรรลุเป็นพระโสดาบันในมนุษย์โสตาปัตติมัคคจิตเกิด ๑ ขณะ แล้วดับแล้วบุคคลนั้นจะเกิดในสวรรค์หรือในรูปพรหมในอรูปพรหมก็ตามแต่ ไม่ต้องมีโสตาปัตติมัคคจิตที่จะดับกิเลสอีก เพราะเหตุว่ากิเลสที่โสตาปัตติมัคคจิตดับแล้ว ดับเป็นสมุทเฉท
สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตตมรรคก็โดยนัยเดียวกัน
เมื่อโสตาปัตติมัคคจิตดับแล้ว จิตอื่นจะเกิดไม่ได้ นอกจากโสตาปัตติผลจิตจะเกิดต่อ อาจจะเป็น ๒ ขณะ หรือ ๓ ขณะ แล้วแต่ประเภทของบุคคล
แล้วสำหรับผู้ที่ได้ฌานจิตที่ชำนาญคล่องแคล่ว ก็สามารถที่จะมีผลสมาปัตติ ซึ่งสามารถที่โสตาปัตติผลจิตจะเกิดดับสืบต่อตามกันตามองค์ฌาน แล้วแต่ว่าผู้นั้นจะเป็นผู้ที่ได้ปฐมฌานหรือทุติยฌานตติยฌานจตุตถฌานหรือปัญจมฌานโสตาปัตติผลจิตก็จะเกิด ดับสืบต่อเป็นฌานจิต ชื่อว่า ผลสมาบัติ แล้วแต่ว่าจะเป็นเวลานานมากน้อยเท่าไร โดยที่ภวังคจิตไม่คั่น