สติปัฏฐานเป็นการระลึกไม่ใช่การทำ
การเจริญสติต้องรู้ลักษณะของสติว่า สติเป็นสภาพที่ระลึกได้ เคยคิดนึกถึงเรื่องอื่นมากมายหลายเรื่อง ทำไมคิดได้ ทำไมระลึกไปได้ แต่สิ่งที่กำลังปรากฏ ถ้าสติระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริง นั่นเป็นการที่เจริญปัญญาเพื่อรู้ชัดในสิ่งที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่เป็นเรื่องของการที่จะไปทำให้เกิดขึ้นในสิ่งที่ไม่มีในขณะนั้น เหมือนอย่างกับสมถภาวนา นี่เป็นความผิดกันนะคะ
เพราะฉะนั้นนอกจากอานาปานบรรพ หรือปฏิกูลมนสิการบรรพธาตุมนสิการบรรพอสุภบรรพ ในมหาสติปัฏฐานสูตร ไม่ได้เป็นการไปทำให้เกิดความสงบ หรือว่าไปทำให้ฌานจิตเกิดขึ้น ไม่ใช่ค่ะ แต่เป็นการระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนั้น เพื่อรู้ชัด ดังพยัญชนะที่ท่านทรงแสดงไว้ว่า กายมีอยู่ก็เพียงสักว่าความรู้ เพียงสักว่าอาศัยระลึกเท่านั้น
กายนี้หมายความถึงนามกายด้วย สติเป็นนามกายผู้ที่มีกายแต่ว่าไม่รู้ลักษณะของสติ เจริญสติไม่ถูก เจริญสติไม่ได้ เพราะไม่ทราบว่าขณะใดเป็นขณะที่หลงลืมสติ แล้วก็ขณะใดเป็นขณะที่มีสติ ใช่ไหมคะ
เพราะฉะนั้นผู้ที่จะเจริญสติทุกท่าน จะต้องทราบทีเดียวว่า ลักษณะของสติคือในขณะไหน ขณะที่กำลังระลึก รู้ลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ มีเห็น มีได้ยิน มีกลิ่น มีรส มีเย็น มีร้อน อ่อนแข็ง มีคิดนึก มีสุข มีทุกข์ วันหนึ่งวันหนึ่งตลอดเวลาก็จริงนะคะ แล้วแต่ว่าสติจะระลึกที่ลักษณะใด ตรงไหนก็ตรงนั้น นิดเดียวก็นิดเดียว แต่ว่าเมื่อระลึกแล้วรู้ว่า กำลังพิจารณา หรือว่ารู้ลักษณะของรูปที่ปรากฏ หรือว่าลักษณะของสภาพรู้ทางหู หรือทางตา หรือทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ