โลกปรากฏได้ ๖ ทาง


    การที่โลกจะปรากฏได้ก็ต้องมีทาง ๖ ทางที่ทำให้โลกปรากฏได้ เวลาที่นอนหลับสนิท จิตไม่ได้อาศัยทาหนึ่งทางใดเกิดขึ้นรู้โลกเลย ใช่ไหมคะ แต่ว่าพร้อมที่จะเห็น หลังจากที่ตื่นแล้ว

    เพราะฉะนั้นขณะนั้นต้องมีจักขุปสาท โลกทางตาคือเห็นจึงจะเกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นขณะใดที่เห็น เราอาจลืมว่า แท้ที่จริงสภาพนี้เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย คือต้องมีจักขุปสาท เท่านี้ ประมาทได้ไหมว่า ไม่มีอะไรที่จะเที่ยง หรือจะอยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย เพียงแค่จักขุปสาทหยุดเกิด ไม่เกิดอีก ก็หมดแล้ว โลกที่เป็นแสงสว่างที่กำลังปรากฏในขณะนี้ก็จะไม่ปรากฏเลย

    เพราะฉะนั้น แต่ละทางก็เท่ากับจุดๆ หนึ่งนะคะของรูปในร่างกายที่จะเป็นปัจจัยที่จะทำให้จิตเกิดขึ้นแล้วก็รู้สิ่งนั้นๆ ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า ทางตาที่จุดเล็กๆ กลางตา ก็เป็นจักขุปสาทรูป ซึ่งถ้ากรรมยังทำให้เกิดอยู่ตราบใด ก็จะเป็นปัจจัยให้เห็นตราบนั้น ก็วนเวียน คือ เห็นแล้วก็เห็นอีก แล้วก็เห็นอีก ทางหูก็เป็นอีกรูปหนึ่ง ที่ตัวก็มีรูปอยู่แค่นี้ ๕ รูปซึ่งเป็นทางที่จะรู้อารมณ์ต่างๆ ทางหูมีรูปซึ่งสามารถกระทบเสียง แต่ถ้ากรรมไม่ทำให้โสตปสาทเกิดต่อไป คนนั้นก็จะไม่มีโลกเสียงปรากฏอีกเลย เสียงจะไม่ปรากฏกับบุคคลนั้นเลย ถ้ารู้สาเหตุว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้มาจากกรรมที่กระทำที่ทำให้มีตา มีหู มีจมูกมีลิ้น มีกาย กายปสาทซึมซาบอยู่ทั่วตัว ส่วนใดที่สามารถจะรู้สิ่งที่อ่อนหรือ แข็ง เย็นหรือร้อน ตึงหรือไหว ส่วนนั้นมีกายปสาท แต่ส่วนที่ไม่มีกายปสาท ถึงแม้กระทบก็ไม่มีการรู้ในลักษณะสภาพที่อ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อน ตึงหรือไหว

    เพราะฉะนั้นตลอดทั่วทั้งกายก็มีรูป๕ รูป ซึ่งเป็นทางที่จิตจะเกิดแล้วก็รู้อารมณ์ ๕ ทาง แต่ใจถึงแม้ว่าจะไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กายเลย ก็สามารถที่จะคิดนึก

    เพราะฉะนั้น ใจที่เกิดก่อน จิตที่คิดนึก อันนั้นเป็นมโนทวาร


    หมายเลข 2893
    26 ส.ค. 2558