ประสบทั้งอิฏฐารมณ์และอนิษฐารมณ์


    สำหรับข้อความที่พระผู้มีพระภาคทรงเปล่งอุทานในสักการะสูตร มีข้อความว่า

    ท่านทั้งหลายผู้อันสุข และทุกข์ถูกต้องแล้วในบ้าน ในป่า ไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากตน ไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากผู้อื่น

    หนีไม่พ้น ไม่ว่าจะอยู่ในบ้าน ในเมือง หรือว่าในป่าก็ตาม เวลาที่อกุศลกรรมให้ผลก็ ย่อมจะได้รับฟังผรุสวาจา แต่ว่าถ้าไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากตน และไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากผู้อื่น คือ ไม่มีตัวตน และไม่มีบุคคลอื่น เป็นแต่เพียงสภาพธรรมที่เกิดปรากฏ แล้วก็ดับไป จึงจะเห็นว่า ไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากตน และไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากผู้อื่นแต่ว่าถ้ายังมีความเป็นตัวตน สติไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ก็ย่อมเร่าร้อนขุ่นเคืองใจ

    สำหรับชีวิตของทุกท่านก็ย่อมประสบทั้งอิฏฐารมณ์ และอนิฏฐารมณ์เป็นของธรรมดา เพราะเหตุว่าเป็นผลของอดีตกรรมที่ได้กระทำแล้ว แม้บุคคลผู้ประเสริฐสุด เช่น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ไม่พ้นจากการที่ได้รับกระทบกับอนิฏฐารมณ์ แม้ ผรุสวาจา

    ก็จะเห็นได้คะ ไม่ใช่ตัวท่านผู้เดียว ทุกคนที่เกิดมาในโลกก็ย่อมแล้วแต่กรรมที่ได้กระทำไว้ทั้งสิ้น แม้พระผู้มีพระภาคเองก็ทรงถูกเรียกว่า คนถ่อย ถ้าท่านผู้ฟังได้ถูกผรุสวาจากระทบกระทั่งท่านด้วยคำใดๆ ก็ตาม ก็ให้ทราบว่า แม้บุคคลผู้ประเสริฐสุด เช่น พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ยังมีบุคคลที่เรียกพระองค์ว่า คนถ่อย


    หมายเลข 2895
    16 ม.ค. 2568