กามาวจรกุศล กับ สหชาตาธิปติปัจจัย
เพราะฉะนั้นสำหรับกามาวจรกุศลจิตที่เป็นไปในทานบ้าง เป็นไปในศีลบ้าง เป็นไปในสมถะ คือ ความสงบของจิตบ้าง หรือเป็นไปในการเจริญสติปัฏฐานบ้างมีสหชาตาธิปติปัจจัย คือ บางครั้งจะมีฉันทะเป็นอธิบดี บางครั้งจะมีวิริยะเป็นอธิบดี บางครั้งจะมีปัญญาเป็นอธิบดีได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าทุกครั้งต้องเป็น
ในชีวิตประจำวันในขณะสวดมนต์เมื่อกี้นี้เอง ท่านผู้ฟังสามารถที่จะทราบได้หรือเปล่า ว่าในขณะนั้นมีอะไรเป็นอธิบดี ผ่านไปแล้ว แล้วก็จะผ่านไปอีกเรื่อย ๆ ถ้าสติไม่เกิด ไม่ระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ จะไม่มีการรู้ลักษณะของสภาพธรรมในขณะนั้น โดยถูกต้อง พอที่จะนึกออกไหม เพราะเหตุว่าต่อไปก็จะสวดอีกเพราะเหตุว่าทุกท่านสวดมนต์เป็นกิจวัตรประจำวัน เวลาที่สวดมนต์ จำได้ตลอดหมดไหม แล้วแต่บุคคล เพราะฉะนั้นเวลาที่กำลังสวดมนต์ ขอเรียนถามว่า จำได้ตลอดหมดไหม หรือบางครั้งก็ติด ๆ ที่จะต้องนึก ไม่คล่องในขณะนั้นถ้าขณะที่กำลังนึกเพื่อที่จะให้จำได้ ในขณะที่ยังไม่คล่อง ต้องอาศัยวิริยะหรือเปล่า พอที่จะสังเกตุรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่บุคคลไหม
และบางท่านเป็นผู้ที่มีฉันทะในการสวดมนต์เสียจริง ๆ สวดได้ยาวมาก สวดได้หมด บางท่านสามารถที่จะสวดมหาสติปัฏฐานสูตรได้ทั้งสูตรแล้วท่านมีฉันทะ มีความพอใจที่จะสวดหมด เวลาที่ท่านสวดมนต์ ก็รู้สึกว่าเป็นเวลาที่ท่านมีความสงบใจ มีความสุข ในขณะนั้น ก็จะเห็นได้ว่า ฉันทะเป็นอธิบดี แต่ท่านอื่นสวดได้ไม่ยาวเลย หมายความว่ามีฉันทะหรือไม่มีฉันทะในการสวดสวดได้เท่าที่จะสวด และบางครั้งก็ยังต้องอาศัยวิริยะ คือสวดก็ไม่คล่อง ก็ไม่เก่ง ก็ต้องนึกในขณะนั้นก็จะเห็นลักษณะของวิริยะได้ว่า ต้องอาศัยวิริยะการสวดนั้นจึงจะสำเร็จลงไปได้ แต่บางท่านอาจจะสวดน้อยจริง แต่ด้วยความซาบซึ้งและความเข้าใจในพระคุณในบทสวดนั้น ขณะนั้นถ้ามีความเข้าใจจริง ๆซาบซึ้งจริง ๆ ในขณะนั้นวิมังสะหรือปัญญาก็เป็นอธิปติได้
แล้วในวันหนึ่งๆ ทุกท่านไม่มีจิตที่เหมือนกันทุกครั้ง ในขณะที่สวดมนต์ เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่ว่า แม้แต่ในชีวิตประจำวันสักเรื่องหนึ่ง เช่นการสวดมนต์ ถ้าท่านสามารถจะมีสติระลึกรู้ในขณะนั้น ก็จะทราบได้ว่า เป็นกุศลจิตประเภทไหน ประกอบด้วยปัญญาหรือไม่ประกอบด้วยปัญญา และมีอะไรเป็นอธิบดีซึ่งไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนทั้งนั้น
หรือบางท่านก็ฟังธรรมจริง แต่ก็เพียงฟัง ขณะนั้นเป็นกุศลประเภทไหน มีศรัทธา เป็นกุศลจิตที่จะฟัง แต่ว่าเป็นญาณวิปปยุตต์ คือ ไม่ประกอบด้วยปัญญา แต่ในขณะใดก็ตาม ที่ฟังแล้วพิจารณา แล้วเข้าใจ ในขณะนั้นไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตนเลย เป็นกุศลประเภทที่ประกอบด้วยปัญญาเจตสิก เป็นมหากุศลญาณสัมปยุตต์ และแล้วแต่ว่าในขณะนั้นจะมีฉันทะเป็นอธิบดี หรือว่ามีวิริยะเป็นอธิบดี ถ้าขณะนั้นมีฉันทะ ความพอใจที่จะฟังเป็นอธิบดี ในขณะนั้นจิตเจตสิกอื่นที่เกิดร่วมด้วยเป็นอธิปติปัจจัย คือ เป็นหัวหน้า เป็นใหญ่ ในขณะนั้นไม่ได้ เพราะเหตุว่าฉันทะเป็นอธิปติแล้ว
นี่ก็เป็นแต่ละวันในชีวิตประจำวัน นอกจากเรื่องของการสวดมนต์ ท่านผู้ฟังก็จะเห็นได้ว่าในการทำกุศลทั้งหลาย บางครั้งก็มีฉันทะเป็นอธิบดี บางครั้งก็มีวิริยะเป็นอธิบดี บางครั้งก็มีจิตเป็นอธิบดี บางครั้งก็มีปัญญาเป็นอธิบดี
นอกจากชีวิตของท่านเอง ก็ยังมีชีวิตของมิตรสหาย เพื่อนฝูงที่สนใจในธรรมด้วยกัน หรือว่าญาติพี่น้องทั่วๆไป จะเห็นฉันทะ ความต่างกันในกุศล บางท่านมีฉันทะในการที่จะสร้างโรงเรียน บางท่านมีฉันทะในการที่จะสร้างโรงพยาบาล บางท่านมีฉันทะที่จะถวายอาหารบิณฑบาต บางท่านมีฉันทะในการที่จะศึกษาธรรมอบรมเจริญปัญญา
เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ว่า ในชีวิตประจำวันฉันทะย่อมมีต่างๆกัน แต่ว่าถ้าท่านไม่ได้มีฉันทะอย่างนั้น แต่พลอยกระทำกุศลนั้นไปด้วย ก็จะรู้ได้ว่าในขณะนั้น ฉันทะไม่ได้เป็นอธิบดี ไม่เป็นอธิปติปัจจัย
เพราะฉะนั้นต่อไปนี้ทุกท่านทราบใช่ไหมว่า กุศลของท่านที่มีฉันทะเป็นอธิบดีในขณะไหน ที่มีวิริยะเป็นอธิบดีในขณะไหน หรือว่าที่มีปัญญาเป็นอธิบดีในขณะไหน