ความเพียร คือ วิริยเจสิก
เจตสิกคงไม่ได้เกิดขึ้นเพียงลำพัง แม้แต่ความอดทนเป็นวิริยเจตสิก ซึ่งก็มีหลายระดับ บางแห่งเป็นอโทสเจตสิก ซึ่งก็ไม่ได้หมายความว่า ขณะนั้นไม่ได้มีวิริยเจตสิก
เพราะฉะนั้นไม่จำเป็นเลยที่เราจะพูดถึงคำเดียวว่า ได้แก่เจตสิกอะไร เพราะเหตุว่าแม้เจตสิกจะเกิดด้วยกันหลายๆเจตสิก แต่ขึ้นอยู่กับระดับของสภาพธรรมที่เกิดร่วมกันในขณะนั้น เราเคยกล่าวถึงครั้งหนึ่งว่า ทุกคนจำได้ว่า อะไรอยู่บนโต๊ะทุกคนก็เห็นแล้วรู้ทันที เป็นสัญญาความจำ ความเพียรมีไหมคะในระดับนั้น เวลาที่รู้ว่าสิ่งนั้นเป็นอะไร มีไหมคะ ถ้าศึกษาโดยละเอียด มีวิริยเจตสิกเกิดร่วมด้วย แต่คิดถึงระดับซึ่งเราจะต้องมีการฟังมากๆมีการพิจารณามากๆ ความจำของเราพร้อมกับปัญญา มีวิริยะอีกระดับหนึ่งหรือเปล่า ไม่ใช่เพียงแต่เห็น แล้วก็รู้สิ่งนั้นเป็นอะไร ซึ่งเป็นของธรรมดา
เพราะฉะนั้นก็ไม่มีการที่จะชี้ชัดลงไปว่า ได้แก่อะไร แล้วแต่สภาพธรรมในขณะนั้นเกิดขึ้นพร้อมกัน แล้วก็ระดับไหน ขณะนี้มีวิริยเจตสิกที่รู้ว่า สิ่งนั้นเป็นอะไร แล้วก็มีสัญญาความจำ แต่ไม่เหมือนสัญญาความจำเรื่องที่กำลังฟัง ซึ่งจะต้องอาศัยวิริยะความเพียร ที่จะพิจารณา ที่จะเข้าใจ
เพราะฉะนั้นสัญญา ความจำ นี่ก็ต่างระดับ หรือว่าเวลาที่สภาพธรรมอื่นปรากฏที่จะเห็นชัดว่า จะต้องมีความเพียรมาก ขณะนั้นก็ต่างจากที่ว่า แม้มีสัญญาเกิดร่วมด้วย แต่สัญญาที่เกิดกับความเพียรต่างระดับ ก็ทำให้เรา ในพระสูตร ใช้คำบัญญัติต่างกัน แต่ก็ได้แก่ ปรมัตถธรรม คือ ทั้งจิตและเจตสิกในขณะนั้น