สติปัฏฐาน กับ การรู้เฉพาะตน
ผู้ฟัง สติปัฏฐานจะต้องเป็นปัญญาของตนเอง หรือถามผู้อื่น เพื่อที่จะให้ความรู้เป็นปัญญา
อ.ธิดารัตน์ ท่านผู้ถาม ถามว่า สติปัฏฐานเป็นความรู้เฉพาะตน ไม่มีการถามใคร จะสามารถเข้าใจได้ว่าความเข้าใจของตัวเอง ถูกต้องหรือถูกทางหรือไม่
ผู้ฟัง จากการที่ฟังรายการวิทยุ หรือมาฟังที่นี่ก็ตาม ผมก็ได้ยินผู้ฟังถามคำถามเสมอ แล้วท่านอาจารย์ก็ตอบ บางครั้งก็จะตอบไม่ตรงกับคำถาม แต่ก็เพื่อที่จะให้ทุกฟังได้เกิดปัญญา ได้พิจารณาเป็นความเข้าใจของตนเอง ผู้ฟังตอนนั้นก็อาจจะไม่เข้าใจก็ได้ว่า ทำไมท่านอาจารย์ตอบไม่ตรง ไม่ตอบว่าใช่หรือไม่ใช่ ถูกหรือไม่ถูก ซึ่งตัวผมเองตลอดระยะเวลานานหลายปีมานี้ ก่อนหน้านั้นผมเองก็เคยมีความรู้สึกอย่างนี้ ก็อาจจะน้อยใจ หรือรู้สึกว่าไม่เข้าใจว่า ทำไมท่านอาจารย์จึงไม่ตอบตรงๆ ว่าใช่หรือไม่ใช่ ถูกหรือไม่ถูก อันนี้เป็นสติปัฏฐานหรือไม่หรืออะไรต่างๆ แต่จริงๆ แล้วเมื่อได้กลับมาพิจารณาแล้ว แล้วก็ได้ฟังธรรมเพิ่มขึ้น ได้พิจารณาเพิ่มขึ้น ก็พบว่าเป็นความกรุณาของท่านอาจารย์จริงๆ รู้สึกน้อมระลึกในบุญคุณเสมอว่า เหตุที่ท่านอาจารย์ไม่ตอบตรงๆ ในขณะนั้น ถ้าตอบตรงๆ ในขณะนั้นผมฟังแล้วก็รับมาเลยทันที ก็จะไม่เป็นปัญญาที่ได้พิจารณาของตนเอง ผมอยากจะเรียนถึงเพื่อนธรรมทั้งหลายว่า เวลาที่ฟังท่านอาจารย์ตอบแล้ว แม้จะไม่เข้าใจในทันที นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ว่าเมื่อได้กลับไปฟังแล้วพิจารณา เพิ่มขึ้นอีก สักวันหนึ่งเมื่อมีปัจจัย ธรรมนั้นก็สามารถที่จะเข้าใจได้ พระพุทธเจ้าก็เหมือนกับผู้ที่ทรงแสดงธรรม ทรงชี้แนว ว่ามีหนองน้ำอยู่ แห่งนี้ ถ้าใครกระหายก็จงเดินทางเข้าไปถึง ท่านอาจารย์ก็เหมือนกับผู้ที่นำสาส์นที่พระพุทธเจ้าได้ทรงแสดงมาชี้แนะแนวทาง แต่ว่าไม่ได้หมายถึงว่าท่านอาจารย์จะทำให้สติปัฏฐานของผู้ใดเกิด แม้ผู้ใดจะถามว่าอันนี้เป็น สติปัฏฐานหรือไม่ ท่านก็จะไม่ตอบอย่างนั้น แต่เมื่อผู้ฟังได้พิจารณา ได้มีความเข้าใจแล้ว จากคำถามจากที่ท่านอาจารย์ตอบ เมื่อพิจารณาแล้วมีความเข้าใจเป็นของๆ ตนเองแล้ว ผู้นั้นเขาจะไม่ได้ถามว่า อันนี้เป็นสติปัฏฐานหรือไม่ เพราะว่าปัญญานั้นเป็นเรื่องของความรู้
อ.ธิดารัตน์ ก็เคยคิดว่าก่อนที่สติปัฏฐานจะเกิด ก็ไม่มีใครทราบว่าลักษณะของสติปัฏฐานเป็นอย่างไร เพราะฉะนั้นบางทีก็อาจจะคิดเอาเองบ้าง อะไรบ้าง เราก็ไม่รู้ว่าเป็นการระลึกที่ถูกต้องหรือไม่ ก็จะชอบที่จะมาถามกันว่า ลักษณะอย่างนี้เป็นสติปัฏฐานหรือไม่ ซึ่งท่านอาจารย์ท่านก็จะไม่ตัดสิน เพราะว่าสติปัฏฐานเป็นความรู้เฉพาะตน เพิ่งมาเข้าใจก็ต่อเมื่อ ที่ว่าเมื่อความเข้าใจมากขึ้น แต่ท่านอาจารย์ก็จะอธิบายว่าลักษณะสติปัฏฐานจริงๆ เป็นอย่างไร ให้ผู้ฟังเทียบเคียงกับลักษณะของเขา แล้วก็เข้าใจขึ้น และตัวเขาเองก็สามารถที่จะตอบตัวเขาเองได้ เพราะเป็นปัญญาเฉพาะตน ขอท่านอาจารย์ได้ช่วยเพิ่มเติม
ท่านอาจารย์ ก็คงจะเป็นอย่างนี้ หมายความว่าธรรมมีอย่างไร ก็ตามที่ได้ศึกษา และตามที่มีปรากฏอยู่ ก็ได้สนทนาเพื่อที่จะให้มีความเข้าใจในสิ่งนั้น แต่ว่า สภาพธรรมจริงๆ ที่เกิดกับใคร ใครจะรู้? ถ้าคนนั้นไม่ใช่สติปัฏฐานนี้เลย แล้วก็เข้าใจว่าเป็นสติปัฏฐาน แล้วก็เราจะบอกว่าอย่างไร เรารู้ไหมว่าขณะนั้นที่เขาบอกว่าเขามีสติปัฏฐานๆ เป็นสติปัฏฐานหรือเปล่า แม้แต่ตัวเขาเองก็เข้าใจว่าเป็นสติปัฏฐาน ก็จะต้องพูดถึงเรื่องสติสัมปชัญญะ ที่เป็นสติปัฏฐานว่าคืออย่างไร เมื่อไหร่ และเขาเองเขาก็จะรู้ได้ด้วยตัวของเขาเอง โดยที่ว่าไม่ต้องถามใคร ถ้าถาม จะเป็นสติปัฏฐานหรือเปล่า?