จูฬเสฏฐีเปตวัตถุ


    ขุททกนิกาย เปตวัตถุ จูฬเสฏฐีเปตวัตถุ มีข้อความว่า

    พระเจ้าอชาตศัตรูได้ตรัสถามจูฬเศรษฐีเปรตว่า

    ข้าแต่ท่านผู้เจริญ ท่านเป็นบรรพชิต เปลือยกาย ซูบผอม เพราะเหตุแห่งกรรมอะไร ท่านจะไปที่ไหนในราตรีเช่นนี้ ขอท่านจงบอกการที่ท่านจะไปแก่เราเถิด เราสามารถจะให้ทรัพย์เครื่องปลื้มใจแก่ท่าน ด้วยความอุตสาหะทั้งปวง

    เป็นบุคคลที่เห็นเปรตและไม่กลัว ก็จะได้ทราบถึงบุญกรรมของเปรตนั้น และกระทำกิจที่ควรกระทำแก่เปรตด้วย

    จูฬเศรษฐีเปรตทูลว่า

    เมื่อก่อน พระนครพาราณสีมีกิตติคุณเลื่องลือไปไกล ข้าพระองค์เป็นคฤหบดีผู้มั่งคั่งอยู่ในพระนครนั้น แต่เป็นคนตระหนี่เหนียวแน่น ไม่เคยให้สิ่งของแก่ใครๆ มีใจข้องอยู่ในอามิส ได้ถึงวิสัยแห่งพระยายมเพราะความเป็นผู้ทุศีล ข้าพระองค์ลำบากแล้วเพราะความหิวเสียดแทง เพราะบาปกรรมเหล่านั้น เพราะเหตุนั้น ข้าพระองค์ปรารถนาอามิสจึงได้มาหาหมู่ญาติ มนุษย์แม้เหล่าอื่น มีปกติไม่ให้ทาน แล้วไม่เชื่อว่าผลแห่งทานมีอยู่ในโลกหน้า มนุษย์แม้เหล่านั้น จักเกิดเป็นเปรตเสวยทุกข์ใหญ่เหมือนข้าพระองค์ ฉะนั้น


    ธิดาของข้าพระองค์บ่นอยู่เนืองๆ ว่า เราจะให้ทานอุทิศให้มารดา บิดา ลุง ป้า น้า อา ปู่ ย่า ตา ยาย พวกพราหมณ์กำลังบริโภคทานอันธิดาของข้าพเจ้าตกแต่งแล้ว ข้าพระองค์จักไปยังเมืองอันธกาวินทนคร เพื่อบริโภคอาหาร

    พระราชาจึงตรัสสั่งเขาว่า

    ถ้าท่านไปได้เสวยผลทานนั้น พึงรีบกลับมาบอกเหตุที่มีจริงแก่เรา เราฟังคำอันมีเหตุผลควรเชื่อถือได้แล้ว จักทำการบูชาบ้าง

    จูฬเศรษฐีเปรตทูลรับพระดำรัส แล้วได้ไปยังอันธกาวินทนครนั้น แต่ไม่ได้รับผลแห่งทานนั้น เพราะพราหมณ์ทั้งหลายที่บริโภคภัตรเป็นผู้ไม่มีศีล ไม่สมควรแก่ทักษิณา ภายหลังจูฬเศรษฐีเปรตกลับมาสู่พระนครราชคฤห์อีก ได้ใปแสดงกายให้ปรากฏเฉพาะพระพักตร์ของพระเจ้าอชาตศัตรูผู้เป็นใหญ่กว่าหมู่ชน พระราชาทอดพระเนตรเห็นเปรตนั้นกลับมาอีก จึงตรัสถามว่า

    เราจักให้ทานอะไร ถ้าเหตุที่จะให้ท่านอิ่มหนำตลอดกาลมีอยู่ไซร้ ขอท่านจงบอกเหตุนั้นแก่เรา

    จูฬเศรษฐีเปรตทูลว่า

    ข้าแต่พระราชา ขอพระองค์จงทรงอังคาสพระพุทธเจ้า และพระสงฆ์ด้วยข้าวและน้ำ และจงทรงถวายจีวร แล้วทรงอุทิศกุศลนั้นเพื่อประโยชน์เกื้อกูลแก่ข้าพระองค์ด้วยการทรงบำเพ็ญกิจอย่างนี้ ข้าพระองค์จะพึงอิ่มหนำตลอดกาลนาน

    ลำดับนั้นพระราชาเสด็จออกจากปราสาททันที ทรงถวายทานอันประณีตยิ่งแก่สงฆ์ด้วยพระหัตถ์ของพระองค์ แล้วทรงกราบทูลเรื่องราวแด่พระตถาคต ทรงอุทิศส่วนกุศลให้จูฬเศรษฐีเปรต

    จูฬเศรษฐีเปรตนั้นอันพระราชาทรงบูชาแล้ว เป็นผู้งดงามยิ่งนัก ได้มาปรากฏเฉพาะพระพักตร์ของพระราชาผู้เป็นใหญ่กว่าชน แล้วกราบทูลว่า

    ข้าพระองค์เป็นเทวดา มีฤทธิ์อย่างยอดเยี่ยมแล้ว มนุษย์ทั้งหลายผู้มีฤทธิ์เสมอด้วยข้าพระองค์ไม่มี ขอพระองค์ทรงทอดพระเนตรดูอานุภาพอันหาประมาณมิได้ของข้าพระองค์นี้เถิด ซึ่งเกิดจากผลที่พระองค์ทรงถวายทานอันจะนับมิได้แก่สงฆ์ อุทิศส่วนพระราชกุศลให้แก่ข้าพระองค์ ด้วยทรงอนุเคราะห์

    ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นเทพแห่งมนุษย์ ข้าพระองค์เป็นผู้อันพระองค์ยังพระอริยสงฆ์ให้อิ่มหนำด้วยไทยธรรม มีข้าว และน้ำ ผ้าผ่อน เป็นต้น เป็นอันมาก จึงได้อิ่มหนำแล้วเนืองๆ บัดนี้ข้าพระองค์มีความสุขแล้ว ขอทูลลาพระองค์ไป

    จบจูฬเศรษฐีเปตวัตถุที่ ๘

    ข้อความในพระไตรปิฎกมีว่า

    ถึงแม้ว่าผู้ทรงศีลนั้นมิใช่ภิกษุ ก็สามารถที่จะให้วัตถุเป็นทาน แล้วอุทิศส่วนกุศลให้เปรตก็ได้


    หมายเลข 3244
    15 ต.ค. 2566