ปฏิจจสมุปบาท หมายความว่าอย่างไร


    ผู้ฟัง ความหมายของ ปฏิจจสมุปปาท คืออย่างไร

    ท่านอาจารย์ ถ้าพูดถึงคำอะไร เราก็เข้าใจได้ในสิ่งที่กำลังมี วนเวียน คือ เดี๋ยวเห็น เดี๋ยวได้ยิน เดี๋ยวก็ได้กลิ่น เดี๋ยวก็ลิ้มรส เดี๋ยวก็คิดนึก กี่วันๆ ก็แค่นี้

    เพราะฉะนั้น การที่โลกจะปรากฏได้ก็ต้องมีทาง ๖ ทางที่ทำให้โลกปรากฏได้ เวลาที่นอนหลับสนิท จิตไม่ได้อาศัยทางหนึ่งทางใดเกิดขึ้นรู้โลกเลย แต่พร้อมที่จะเห็นหลังจากตื่นแล้ว เพราะฉะนั้น ขณะนั้นต้องมีจักขุปสาท ทางตา คือเห็นจึงจะเกิดขึ้นได้

    เพราะฉะนั้น ชณะใดที่เห็นเราอาจจะลืมว่า แท้ที่จริงสภาพนี้เกิดขึ้นเพราะมีเหตุปัจจัย คือต้องมีจักขุปสาท เท่านี้ประมาทได้ไหมคะว่า ไม่มีอะไรเที่ยง หรืออยู่ในอำนาจบังคับบัญชาเลย เพียงจักขุปสาทหยุดเกิด ไม่เกิดอีกเลย ก็หมดแล้ว โลกที่เป็นแสงสว่างที่ปรากฏในขณะนี้ ก็จะไม่ปรากฏเลย

    เพราะฉะนั้น แต่ละทางก็เท่ากับจุดๆ หนึ่งของรูปในร่างกายที่ทำให้จิตเกิดขึ้นแล้วรู้สิ่งนั้นๆ ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า ทางตา ที่จุดเล็กๆ กลางตา ก็เป็นจักขุปสาทรูป ซึ่งถ้ากรรมยังทำให้เกิดอยู่ตราบใด ก็เป็นปัจจัยให้เห็นตราบนั้น ก็วนเวียน คือเห็นแล้วก็เห็นอีก แล้วก็เห็นอีก ทางหูก็เป็นอีกรูปหนึ่ง ที่ตัวก็มีรูปอยู่แค่ ๕ รูปซึ่งเป็นทางให้รู้อารมณ์ต่างๆ ทางหูมีรูปซึ่งสามารถกระทบกับเสียง แต่ถ้ากรรมไม่ทำให้โสตปสาทเกิดต่อไป คนนั้นก็จะไม่มีโลกเสียงปรากฏอีกเลย เสียงจะไม่ปรากฏกับบุคคลนั้นเลย ถ้ารู้สาเหตุว่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้มาจากกรรมที่กระทำ ที่ทำให้มีตา มีหู มีจมูก มีลิ้น มีกาย กายปสาทซึมซาบอยู่ทั่วตัว สิ่งใดที่รู้สิ่งที่อ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อน ตึงหรือไหว ส่วนนั้นมีกายปสาท แต่ส่วนที่ไม่มีกายปสาท แม้กระทบก็ไม่รู้ในลักษณะที่อ่อนหรือแข็ง เย็นหรือร้อน ตึงหรือไหว

    เพราะฉะนั้น ตลอดทั่วทั้งกายก็มีรูป ๕ รูปซึ่งเป็นทางที่จิตจะเกิด และรู้อารมณ์ ๕ ทาง แต่ใจ ถึงแม้ว่าไม่มีตา หู จมูก ลิ้น กายเลย ก็สามารถคิดนึก เพราะฉะนั้น ใจที่เกิดก่อนจิตที่คิดนึก อันนั้นเป็นมโนทวาร ได้แก่ ภวังคจิตขณะสุดท้าย คือ ภวังคุปปัจเฉทะ หลังจากที่ภวังค์นี้ดับแล้ว วิถีจิต คือ จิตที่คิดนึกก็เกิด เพราะว่าอาศัยัจิตก่อนที่เป็นภวังค์เป็นมโนทวาร

    นี่คือชีวิตที่วนเวียนไปสังสารวัฏฏ์ ทุกวันเป็นอย่างนี้ตามเหตุตามปัจจัย ถ้าไม่คิดถึงว่า มีตัวที่มั่นคงตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้าที่เที่ยง เพราะเข้าใจผิด ก็จะรู้ว่า ทุกขณะที่เกิดต้องอาศัยปัจจัยเพียงชั่วขณะที่แสนสั้นก็ต้องมีปัจจัยที่จะเกิด และก็ดับไปเลย


    หมายเลข 3266
    28 ก.ค. 2567