การยิ้มของพระอรหันต์กับปุถุชน


    สำหรับวิบากจิตก็ได้เรียนให้ทราบแล้วว่า โลกียวิบากทั้งหมดไม่มีอธิปติ ไม่มีสหชาตาธิปติปัจจัย แต่โลกุตตรวิบากมีสหชาตาธิปติปัจจัย

    สำหรับกิริยาจิตซึ่งส่วนใหญ่แล้วเป็นจิตของพระอรหันต์ สำหรับกิริยาจิตที่เป็นชวนจิต ต้องเป็นของพระอรหันต์เท่านั้น ปุถุชนจะไม่มีกิริยาจิตที่เป็นชวนจิตเลย เพราะเหตุว่า สำหรับปุถุชนเห็นแล้วเป็นกุศลบ้าง อกุศลบ้าง แต่ไม่ใช่เป็นมหากิริยา เพราะฉะนั้นกิริยาจิตที่เป็นชวนจิตจึงเป็นของพระอรหันต์เท่านั้น

    สำหรับกิริยาจิตที่เป็นชวนจิตที่ไม่ประกอบด้วยเหตุ มี ๑ ดวง คือ หสิตุปปาทจิต เป็นจิตที่เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ทำให้เกิดการยิ้มแย้มเพียงเล็กน้อยสำหรับผู้ที่เป็นพระอรหันต์ เวลาที่เกิดโสมนัสยินดีเป็นปัจจัยให้รูปปรากฏ เป็นลักษณะของการยิ้มและการหัวเราะขึ้น

    เพราะฉะนั้นในวันหนึ่ง ๆ ท่านผู้ฟังก็ยิ้มบ้าง หัวเราะบ้าง แต่ถ้าไม่ได้อบรมเจริญสติปัฏฐาน จะไม่ทราบเลยว่า ขณะนั้นยิ้มเพราะจิตอะไร หรือถ้าเป็นหัวเราะ อาจจะทราบได้ใช่ไหม ว่าหัวเราะเพราะจิตอะไร ทราบได้ไหมคะ ปกติที่หัวเราะเพราะจิตอะไร กุศลจิตหรืออกุศลจิต อกุศลจิต เป็นโลกมูลจิต

    เพราะฉะนั้นให้ทราบว่า จิตที่จะทำให้เกิดการยิ้มหรือการหัวเราะ ต้องเป็นจิตที่เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ถ้าขณะนั้นจิตเกิดร่วมกับอุเบกขาเวทนาความรู้สึกไม่สุข ไม่ทุกข์ เฉยๆ จะไม่เป็นปัจจัยให้เกิดหัวเราะหรือยิ้ม เพราะฉะนั้นในขณะใดที่ยิ้มหรือหัวเราะ เวทนาในขณะนั้นเป็นโสมนัสเวทนา สติปัฏฐานเกิดได้ไหมในขณะที่ยิ้มหรือหัวเราะ ไม่มีใครไปบังคับว่าอย่าเกิด หรือเกิดไม่ได้ ไม่ใช่เจริญสติปัฏฐานแล้วต้องไม่ยิ้ม ต้องไม่หัวเราะ สติเป็นอนัตตา การยิ้ม ถ้าไม่มีปัจจัยก็ไม่เกิดขึ้น แล้วในขณะที่ยิ้มแล้วแล้วสติเกิดสามารถที่จะระลึกรู้ลักษณะของโสมนัสเวทนาได้ในขณะนั้น หรืออาจจะรู้ลักษณะของรูปหนึ่งรูปใดหรือนามหนึ่งนามใดก็ได้ เพราะเหตุว่าสติปัฏฐานเป็นอนัตตา ไม่มีใครสามารถจะบังคับว่า โสมนัสเวทนาอย่าปรากฏ ความดีใจอย่าปรากฏความสนุกสนานรื่นเริงอย่าปรากฏ ในขณะที่กำลังสนุก ลักษณะสภาพที่เป็นโสมนัส หรือความรู้สึกสนุกสนานปรากฏเมื่อปรากฏแล้ว สติย่อมสามารถที่จะระลึกรู้สภาพที่ไม่ใช่ตัวตน เป็นแต่เพียงลักษณะของความรู้สึกชนิดหนึ่ง ซึ่งกำลังดีใจ เพลิดเพลิน หรือว่าสนุกสนานในขณะนั้น

    เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ที่เป็นปุถุชนก็ยิ้มด้วยจิตที่ประกอบด้วยโสมนัสเวทนา ที่เป็นมหากุศลโสมนัส ๔ ดวง ได้แก่ มหากุศลญาณสัมปยุตต์ ๒ ดวง และมหากุศลญาณวิปปยุตต์ ๒ ดวง และยิ้มด้วยโลภมูลจิตที่เกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา ๔ ดวง คือ เกิดร่วมกับทิฏฐิคตสัมปยุตต์ ๒ ดวงทิฏฐิคตวิปยุตต์ ๒ ดวง

    ในวันหนึ่งๆ ที่ยิ้ม ให้ทราบว่า เพราะโสมนัสเวทนาเกิดกับกุศลจิตหรืออกุศลจิต เวลาที่กำลังเพลิดเพลินในธรรม ซาบซึ้งผ่องใส เบิกบานในกุศลที่กำลังประกอบ กำลังกระทำอยู่ หน้าตาจะปรากฏเป็นลักษณะที่ยิ้มแย้มได้ไหมคะ ในขณะนั้นเป็นมหากุศลซึ่งเกิดร่วมกับโสมนัสเวทนา แล้วแต่ว่าจะเป็นญาณสัมปยุตต์หรือว่าญาณวิปปยุตต์


    หมายเลข 3276
    29 ส.ค. 2558