เข้าใจธรรมมากขึ้น ทุกข์น้อยลง
คนเก่งมีทุกข์ไหมคะ เศรษฐีมีทุกข์ไหม เพราะฉะนั้นทุกข์มันมาจากไหนกันแน่คะ ถ้าทุกข์เพราะไม่มีเงิน ถ้ามีเงินแล้วก็น่าจะมีสุข ใช่ไหมคะ แต่คนมีเงินก็ยังมีทุกข์ คนเก่ง เก่งแล้วก็ไม่น่าจะมีทุกข์ แต่คนเก่งก็ยังมีทุกข์ได้
เพราะฉะนั้นทุกข์จริงๆ มันมาจากไหน มาจากความไม่รู้มาจากความต้องการสิ่ง หนึ่งสิ่งใดแล้วไม่ได้สิ่งนั้น เพราะฉะนั้นถ้าเราเข้าใจธรรมมากขึ้น เราก็จะทุกข์น้อยลง นี่เป็นประโยชน์ไม่ว่าเราจะเป็นใครอยู่ที่ไหน เราไม่ได้หมายความว่าเราจะออกนอกโลกไป เมื่อไรเป็นพระอรหันต์ เมื่อนั้นถึงจะออกจากบ้านช่องได้ พระอนาคามี ท่านไม่ ยินดีในรูป ในเสียง ในกลิ่น ในรส ในสัมผัส แต่ท่านยังไม่ต้องบวชก็ได้ แล้วลองคิดดูว่า ถ้าเราติดในรูปน้อยลง ติดในเสียงน้อยลง ติดในกลิ่นน้อยลง ติดในรสน้อยลง ติดในเรื่องราวต่างๆ ด้วยความเป็นเราน้อยลง เราก็ย่อมจะมีความสบายใจขึ้น ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น แต่ถ้ายังติดมากๆ เราก็ต้องเป็นทุกข์มากๆ แต่ว่าเรื่องจะไม่ติดนี่ยาก ไม่ใช่ว่าเราจะไม่ติด ไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เลยแต่ว่าปัญญาจะทำให้เห็นตัวเองตามความเป็นจริงว่าลึกแสนลึกลงไป ที่เราติดมากที่สุดคือติดในความเป็นเรา ในความเป็นของเรา ในความเป็นตัวเรา ตั้งแต่ศีรษะตลอดเท้า จะรักใคร จะต้องการอะไรสักเท่าไร ก็ไม่เท่ากับเรา เราเป็นใหญ่ แต่ถ้ารู้จริงๆว่า ไม่มีเราเลยแม้สักขณะเดียว เป็นธรรมทั้งหมด แล้วธรรมก็เป็นธรรม คือธรรมฝ่ายดีก็ดีธรรมฝ่ายไม่ดีก็ไม่ดี ไม่ว่าจะเกิดกับใครที่ไหน เราไม่เป็นคนที่เข้าข้างตัวเอง เห็นธรรมเป็นธรรมจริงๆ ก็จะสะสมธรรมฝ่ายดีเพิ่มขึ้น ทำให้ธรรมฝ่ายดีเพิ่มขึ้นก็จะทำให้ธรรมฝ่ายไม่ดีน้อยลง