ทั้งๆ ที่มีลมหายใจอยู่


    เรื่องของลมหายใจซึ่งทุกท่านมี แต่เป็นสิ่งที่ละเอียดประณีตมาก ซึ่งตามธรรมดาจิตย่อมจะน้อมไปสู่อารมณ์ที่ปรากฏทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ทั้งๆ ที่มีลมหายใจอยู่ แต่การที่จะให้สติระลึกรู้ลักษณะของลมหายใจ ติดต่อกันนานๆ จนกระทั่งจิตสงบเป็นสมาธินั้น เป็นสิ่งที่ยาก สงบ และประณีตมาก

    ด้วยเหตุนี้ผู้ที่สามารถจะเจริญอานาปานสติสมาธิ ย่อมจะได้อานิสงส์ซึ่งเกิดจากการระลึกรู้ลักษณะของลมที่ประณีต เพราะเหตุว่าในการเจริญอานาปานสติสมาธิ ไม่ใช่ว่าจะมีสมาธิหรือสติเพียงเล็กน้อย แต่จะต้องประกอบด้วยสติสัมปชัญญะบริบูรณ์ตั้งแต่เบื้องต้น และที่จะรู้ว่าเป็นลมหายใจยาวหรือสั้นนั้น จะต้องระลึกรู้ลักษณะที่กระทบที่ปรากฏในโพรงจมูก หรือเบื้องบนริมฝีปาก แล้วแต่ๆ ละท่านจะระลึกรู้ที่ไหน

    เวลาที่ลมหายใจปรากฏ ที่จะรู้ว่าลมหายใจออกยาวจะรู้ได้จากการกระทบนาน ถ้ากระทบนิดหน่อยก็เป็นลมหายใจออกสั้น หรือหายใจเข้าสั้น ถ้ากระทบนานก็เป็นลมหายใจออกยาว หายใจเข้ายาว

    การที่สติระลึกรู้ลักษณะของลมหายใจนั้น ต้องระลึกแม้อาการของลมที่ปรากฏในเบื้องต้น คือ ส่วนที่ยาวนี้จะต้องมีการปรากฏเบื้องต้น ท่ามกลาง และที่สุดของลมหายใจด้วย

    เวลาที่ลมหายใจออกสั้น จะต้องมีการปรากฏเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุดที่กระทบสั้นด้วย เพราะเหตุว่ารูปใดๆ ก็ตามถ้าเป็นแต่เพียงรูปที่เล็กที่สุดเพียงรูปเดียว ย่อมไม่สามารถปรากฏลักษณะได้ แต่เพราะเวลาที่ลมปรากฏครั้งหนึ่งๆ นั้นหลายรูป มีทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุดด้วย ซึ่งผู้เจริญสติจะต้องมีสติสัมปชัญญะสมบูรณ์ รู้แม้ลมที่ปรากฏเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด

    ลมเป็นสิ่งที่ละเอียด ประณีต สติสัมปชัญญะก็ต้องสมบูรณ์ละเอียดประณีต จึงจะสามารถพิจารณารู้ลักษณะของลมที่กระทบได้ เพราะฉะนั้น ถ้าใครสามารถให้สติระลึกรู้ลักษณะของลมจนกระทั่งเป็นสมาธิ ก็จะได้รับประโยชน์ของการเจริญสมาธิที่เนื่องกับลมหายใจมาก


    หมายเลข 3309
    31 ก.ค. 2567