ฟังพระธรรมเพื่อเข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง
อ.อรรณพ พระธรรมที่พระองค์ทรงแสดงไว้ทั้ง ๓ ปิฎก ไม่ว่าจะพระสูตรพระวินัย พระอภิธรรม ที่เราศึกษาพระธรรม ก็เป็นไปเพื่อการที่จะให้เข้าใจสภาพธรรมตามความเป็นจริง เช่น สัจจะความจริง ซึ่งเป็นความจริงจริงๆ ของพระอริยเจ้า ประการแรกคือทุกขสัจจะ ซึ่งทุกขสัจจะ ก็คือสภาพธรรมที่กำลังปรากฏนั่นเอง นามธรรม รูปธรรม จิต เจตสิก รูป ที่ปรากฏจริงในชีวิตประจำวัน แสดงไว้อย่างชัดเจน สภาพธรรมไม่ว่าจะแจก เป็นนามธรรม รูปธรรม เป็นขันธ์ ๕ ท่านอัญญาโกณฑัญญะ ท่านบรรลุธรรมในวันอาสฬหะ ก็เพราะท่านรู้รูปธรรม นามธรรม คือรูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ ซึ่งพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ทรงแสดงว่า รูปเที่ยงหรือไม่เที่ยง เป็นต้น ก็คือลักษณะสภาพธรรมทั้งนั้น ย้ำแล้วย้ำอีกโดยเทศนาประการต่างๆ แต่ด้วยความที่เราติดข้องในความเป็นตัวตน แล้วความรักตัว ความเป็นห่วงตัวว่าเราทุกคนคิดว่าทุกคนเหลืออายุในชาตินี้อีกไม่มาก ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือเป็นผู้ใหญ่ เราก็ไม่รู้ว่าจะมีอายุเท่าไหร่ ความกังวล ความรักตัวเราก็อยากจะหาวิธี เมื่อไม่ได้สิ่งที่สูงสุด ก็เอาสิ่งที่รองมาเป็นกุศลขั้นความสงบ หรือขั้นทาน ขั้นศีล อะไรก็ในเรื่องของตัวตนจะคิดไป
แต่จริงๆ แล้วสิ่งที่เป็นประโยชน์สูงสุดก็คือการที่ได้เข้าใจความจริง แล้วไม่ต้องกังวลว่าสติปัฏฐานจะเกิดหรือไม่เกิด เพียงแต่ว่าเข้าใจว่าทางที่ถูกต้องที่จะออกจากวัฏฏะ ก็คือการอบรมเจริญสติปัฏฐาน ถ้ามีความเข้าใจมั่นคงอย่างนี้ ก็ละความกังวลไปได้ในระดับหนึ่ง เพราะฉะนั้นพระธรรมทั้งหมด ไม่ได้ให้รู้เรื่องอื่นเลย ซึ่งจริงๆ เราเขวได้ เพราะว่าตราบใดที่ยังไม่ได้ดับวิจิกิจฉา ฟังก็มีแต่เรื่องนามธรรม รูปธรรม บางท่านก็ว่ารายการของท่านอาจารย์ มีแต่นามธรรม รูปธรรม ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนี้ แต่จริงๆ ในชีวิตประจำวันขณะนี้สิ่งที่ปรากฏทางตา ปรากฏแล้วดับแล้ว แล้วก็สิ่งที่ปรากฏทางตาก็มีปรากฏอีก แม้ว่าจะเป็นสภาพธรรม ที่ไม่ใช่ของเก่าย้อนมาใหม่ แต่ก็ไม่พ้น สี เสียง กลิ่น รส เย็น - ร้อน อ่อน -แข็ง ตึง -ไหว สภาพ นามธรรม รูปธรรม ที่ปรากฏต่างๆ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ ก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ เมื่อเราพูดถึงความจริงอย่างนั้น ความเป็นตัวตนทำให้เบื่อ แล้วก็รู้สึกว่าไม่ได้ประจักษ์อย่างนั้น ตามที่ได้ฟัง แรกๆ ก็มีศรัทธา หลังๆ ก็ไม่ไหวแล้วไปหาวิธีอื่น หาวิธีเดิมๆ หวนกลับไป ซึ่งจริงๆ ก็แสดงให้เห็นว่าความรักตน ความเป็นตัวตนมีมากมาย แต่ความมั่นคงในการเข้าใจแนวทางที่เป็นมัชฌิมาปฏิปทายังน้อยมาก สะท้อนให้เห็นถึงว่าปัญญาในขั้นสุตมยปัญญา จินตามยปัญญายังน้อยเหลือเกิน เพราะฉะนั้นก็ไม่เป็นที่ต้องแปลกใจอะไร ว่าทำไมปัญญาขั้นภาวนา หรือสติปัฏฐาน ถึงยังไม่เกิด เพราะว่าพื้นฐานความเข้าใจยังไม่มั่นคง ที่จะเป็นสัจจญาณพอที่จะสติจะเกิด นั่นเอง