เห็นความต่างกันของกุศลด้วยเหตุปัจจัย
ท่านอาจารย์ ไม่ว่าจะเป็นกุศลเป็นอกุศล ถ้าไม่รู้ความจริงว่าเป็นธรรม ก็ยังเป็นเราอยู่นั่นแหละ ถ้ามีความเข้าใจอย่างนี้จริงๆ ก็จะเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้สติสัมปชัญญะเกิด แล้วก็ค่อยๆ เข้าใจสิ่งที่กำลังปรากฏ
จะเห็นได้ว่าเราเปลี่ยนปัจจัยที่จะให้คิดไม่ได้เลย เมื่อมีปัจจัยที่จะคิดอย่างนี้ ก็คิดอย่างนี้ แต่ต้องรู้ความจริงว่าขณะนั้นเป็นความคิด ที่ไม่ใช่การรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ อย่างนี้ก็จะทำให้เราสามารถเห็นความต่างกันของขณะที่แม้ว่าเป็นกุศล แต่ก็ไม่ใช่กุศลที่ประกอบด้วยสติสัมปชัญญะ ที่กำลังเข้าใจลักษณะของสภาพธรรมที่มีจริงๆ ทางหนึ่งทางใด
ผู้ฟัง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเกิดจากเหตุปัจจัย และเหตุปัจจัยเช่นนี้ คงไม่ทำให้เพิกเฉย หรือทอดธุระกับการกระทำความดี หรือพากเพียร วิริยะ ทั้งหลายในโลก
ท่านอาจารย์ ก็มีเราที่คิดไปตลอดเวลา แม้ขณะที่ถามก็คือคิดว่าจะเป็นอย่างโน้น แล้วจะเป็นอย่างนี้ ก็คือว่าก็เป็นสภาพธรรมที่ปรุงแต่งให้คิด แล้วก็ดับไป อย่างไรๆ ประโยชน์สูงสุดที่ได้รับจากการได้ฟังพระธรรม ก็คือได้เข้าใจถูกต้องว่าสิ่งที่กำลังปรากฏในขณะนี้เป็นธรรม แล้วก็จะต้องเข้าใจยิ่งขึ้น จนกระทั่งรู้จริงๆ ว่าเป็นธรรม ซึ่งไม่มีใครเป็นเจ้าของ ทั้งกุศล และอกุศลทั้งหมด