กุศลจิตเกิดจะปราศจากความอดทนได้ไหม
ผู้ฟัง ขณะที่กุศลจิตเกิดขึ้น จะปราศจากความอดทนได้ไหมครับ
ท่านอาจารย์ มีอโทสเจตสิกเกิดร่วมด้วย และมีเจตสิกอื่นๆ ด้วย แต่ขณะนี้ไม่มีอโทสเจตสิก แต่มีวิริยเจตสิก
นี่เป็นสิ่งที่เหมือนเราพยายามไปพิจารณาให้เข้าใจตัวหนังสือ แล้วสามารถจัดแบ่งออกไปได้ว่าเป็นประเภทไหน อย่างไร แต่เราละเลยการที่จะรู้ว่า ปัญญาของเราขณะนี้สามารถรู้อะไร ตัวจริงๆ ของธรรม เราสามารถจะรู้เพียงลักษณะที่ต่างกันที่เป็นนามธรรมหรือเป็นรูปธรรมเท่านั้นแล้วหรือยัง ก่อนจะไปรู้อื่น รู้เรื่องวิริยะ เรื่องผัสสะ เรื่องชีวิตินทรีย์ นั่นเป็นเรื่องช่วยให้เราเวลาที่สติระลึก การฟังทั้งหมด การเข้าใจในความเป็นเป็นอนัตตาทั้งหมดจะทำให้สามารถถึงปัญญาที่สละความเป็นเรา แต่ต้องอาศัยสติปัฏฐาน โพธิปักขิยธรรม จะปราศจากสติปัฏฐานไม่ได้เลย
เพราะฉะนั้น การศึกษาของเราเรื่องชื่อทั้งหมดที่มี แต่ว่าสติปัฏฐานไม่เกิด ไม่ระลึก ไม่รู้ ก็เป็นการจำเรื่องชื่อ แต่ว่าการเรียนของเราทั้งหมดเพื่อให้รู้จักตัวเองว่า ปัญญาของเราระดับไหน ถ้าขณะนี้ยังไม่รู้ลักษณะของนามธรรม และรูปธรรม การฟัง ฟังให้เข้าใจ แต่ไม่ใช่ว่าเราต้องสามารถจำแนกข้อความในพระสูตรทั้งหมด ชี้ออกมาว่า ได้แก่เจตสิกอะไร เมื่อไร อย่างไร แต่สามารถฟังให้เห็นประโยชน์ว่า สิ่งใดก็ตามที่ทรงแสดงไว้ การศึกษา คือ สิกขา ประพฤติ น้อมที่จะปฏิบัติตาม อย่างถ้าศึกษาถึงอุปนิสสยปัจจัย โดยชื่อ เราได้ยินคำว่า “ปัจจัย” ธรรมที่เกื้อกูล ที่สนับสนุน ที่เป็นปัจจัยให้สภาพธรรมอีกอย่างหนึ่งเกิดขึ้น นิสัย คือ ที่อาศัย อุป คือ ที่มีกำลัง เพราะฉะนั้น ที่อาศัยที่มีกำลัง เราเรียนมาหมดแล้วว่า ได้แก่อะไรบ้าง แต่ขณะนี้ทราบไหมว่า เวลาที่เกิดสภาพธรรมหนึ่งสภาพธรรมใด ไม่ว่าจะเป็นโลภะหรือโทสะ เป็นแล้วที่จะต้องสะสมสืบต่อไป ที่จะเกิดสภาพธรรมนั้นอีกบ่อยๆ หรือแม้แต่ศรัทธา หรือวิริยะ ความเพียร หรือขันติ ความอดทน แม้เล็กน้อยตอนเริ่มต้น ต่อไปก็จะทำให้เราเพิ่มหรือมีความอดทนมากขึ้น แต่ต้องมีในขณะนี้ด้วย ถ้าขณะนี้ไม่มี ทุกอย่างก็อยู่ในตำราหมด ไม่ว่าจะสรรเสริญว่า ขันติเป็นตบะอย่างยิ่ง ก็อยู่ในตำรา ไม่เห็นมาอยู่ในใจของเรา ที่จะเห็นว่า เราได้ฟัง และได้ศึกษา คือ ประพฤติปฏิบัติมากน้อยแค่ไหน แต่ผู้เห็นคุณค่าของพระธรรมจริงๆ เห็นประโยชน์จริงๆ เขาจะไม่ติดในคำ แต่ว่าจะรู้ตามความเป็นจริงว่า ชีวิตประจำวันของเขาที่ได้ฟังพระธรรมมา เขามีความนอบน้อมที่จะบูชาด้วยการปฏิบัติอย่างไร บูชาสูงสุดในการปฏิบัติก็คือ ประพฤติตามคำสอนที่จะอบรมเจริญปัญญาที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรม เพราะว่ากว่าพระองค์จะได้บรรลุคุณธรรมถึงความเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็ต้องบำเพ็ญพระบารมีมาก
เพราะฉะนั้น การจะบูชาในพระคุณก็ต้องบูชาในลักษณะที่เห็นคุณค่าของธรรมที่ทำให้ตรัสรู้ และประพฤติปฏิบัติตาม แต่นอกจากนั้นยังทรงแสดงพระธรรมอีกด้วย ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องสติปัฏฐาน ไม่ใช่แต่เฉพาะเรื่องปรมัตถธรรม เพราะรู้ว่า ยิ่งได้ยินได้ฟังมาก ยิ่งเห็นโทษของอกุศลมาก จิตใจของคนที่พิจารณาถึงจิตของตนเอง ก็เริ่มปฏิบัติบูชาแม้ในขั้นศีล ในขั้นความสงบของจิต และในขั้นอบรมเจริญปัญญาด้วย แต่ถ้าเราศึกษาเพียงตัวหนังสือ เราก็จะไม่ได้อะไร เพราะว่าปัญญาของเราไม่ถึงระดับที่สามารถแยกรู้ลักษณะว่า วิริยะนี้ระดับไหน และก็ต้องเป็นวิริยะที่ไม่ใช่ชื่อ ต้องเป็นสภาพของวิริยะขณะนั้นที่ปรากฏให้รู้
เพราะฉะนั้น ก็ต้องเริ่มต้นจากการรู้ว่า จริงๆ ชีวิตของเราจะศึกษาธรรมโดยเปล่าประโยชน์ โดยไร้ประโยชน์ ไม่ได้อะไรเลย นอกจากชื่อ หรือว่าได้ยินได้ฟังแล้ว บูชาพระองค์ด้วยการประพฤติปฏิบัติเท่าที่จะกระทำได้ ซึ่งเป็นจรณะด้วย