เข้าใจสิ่งที่มีจริงเพิ่มขึ้นว่าไม่ใช่ตัวตน
สิ่งที่มีจริงๆ เราจะต้องเข้าใจเพิ่มขึ้นให้ถูกต้อง ว่าลักษณะที่มีจริงๆ ไม่ใช่ตัวตน แข็งก็คือแข็ง ไม่ใช่ตัวตน มีเสียง มีกลิ่น มีรส มีทุกอย่าง แต่ว่าเกิดขึ้นปรากฏแล้วก็หมดไปไม่ใช่ตัวตน ความหมายว่าไม่ใช่ตัวตนนี่คือไม่ยั่งยืน แล้วก็ไม่ใช่สิ่งที่จะบังคับบัญชาได้ไม่ใช่ว่าสิ่งนั้นไม่มี สิ่งนั้นมี แล้วก็ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา เป็นแต่เพียงสภาพธรรมแต่ละอย่าง แต่สงสัยว่าคนฟังก็คงจะยังไม่ค่อยเข้าใจ เพราะต้องอาศัยกาลเวลาที่จะต้องเข้าใจพิจารณาบ่อยๆ จนกระทั่งเป็นความจริง เพราะฉะนั้นมีอีกคำหนึ่งนอกจากคำว่าธรรมแล้ว มีคำว่าปรมัตถธรรม และอภิธรรม คือเพิ่มภาษาบาลีอีกนิดหน่อย
ปรมัตถ์มาจากคำว่า ภาษาไทยที่เราใช้บ่อยๆ บรม คือ ปรม มาจากคำว่าปะระมะ กับอัตถะ รวมแล้วเป็นปรมัตถ์ เพราะฉะนั้นปรมัตถธรรม หมายความถึงสภาพธรรมที่มีจริงๆ แม้ไม่เรียกชื่อสิ่งนั้นก็มี หรือแม้ว่าจะเปลี่ยนชื่ออะไรก็ตาม สภาพธรรมนั้นก็คงเป็นสภาพธรรมนั้น อย่างภาษาบาลี ใช้คำว่าโลภะ ภาษาไทยบอกว่าความติดข้อง ความอยากได้ ความต้องการ ภาษาอังกฤษ เรียกอีกคำหนึ่ง ภาษาอื่นก็เปลี่ยนไป แต่เปลี่ยนลักษณะของโลภะไม่ได้ จะใช้ภาษาอะไรก็ได้ ไม่เรียกก็ได้ แต่เปลี่ยนลักษณะของสภาพธรรมนั้นไม่ได้ นี้คือปรมัตถธรรม
ปรมัตถธรรมคือสิ่งที่มีจริง ไม่เรียกชื่อเลยก็ได้ จะใช้ชื่ออะไรก็ได้ จะเปลี่ยนชื่อก็ได้ แต่เปลี่ยนลักษณะของสภาพธรรมนั้นไม่ได้ เพราะฉะนั้นที่ว่ามี คือมีปรมัตถธรรม มีธรรมจริงๆ จะเรียกก็ได้ไม่เรียกก็ได้ จะไม่บอกว่าเป็นตัวตน ไม่บอกว่าเป็นคน ไม่บอกว่าอะไร แต่ลักษณะของรูปก็เป็นรูป ลักษณะของนามก็เป็นนาม