สมบัติจริงๆ คือกรรม


    เรื่องของภพภูมิต่างๆ ตราบใดที่ยังมีทั้งกุศลกรรม และอกุศลกรรม ก็ย่อมแล้วแต่ว่า กรรมใดจะเป็นชนกกรรม ถ้าเกิดในสวรรค์ เมื่อจุติจิตทำกิจเคลื่อนจากเทพบุตรในสวรรค์แล้ว เกิดในอบายภูมิได้ไหมคะ ได้

    เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่า สำหรับกามภูมิทั้ง ๑๑ ภูมิ เกิดเป็นมนุษย์ เมื่อจุติแล้วก็อาจจะเกิดในกามสุคติภูมิ ภูมิหนึ่งภูมิใด ซึ่งอาจจะเป็นมนุษย์อีก หรือว่าในสวรรค์ชั้นหนึ่งชั้นใดใน ๖ ชั้นก็ได้ ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม แต่ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมแล้ว ทำให้เกิดในอบายภูมิหนึ่งอบายภูมิใด คือ เกิดในนรก หรือว่าเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นเปรต เป็นอสุรกาย ไม่เหมือนอย่างรูปพรหมบุคคล ถ้าผู้ใดอบรมเจริญฌานสมาบัติ มีวสีแคล่วคล่องชำนาญ จนกระทั่งฌานจิตเกิดก่อนจุติ ทำให้ปฏิสนธิเป็นพรหมบุคคลในรูปพรหมภูมิ เมื่อจุติจากรูปพรหมภูมิบุคคลแล้ว จะไม่เกิดในอบายภูมิทันที แต่จะเกิดในกามสุคติภูมิ แล้วแต่ว่าจะเป็นทวิเหตุ หรือว่าติเหตุ หมายความว่าปฏิสนธิจิตนั้นประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก หรือว่าประกอบด้วย ๓ เหตุ คือ ประกอบทั้ง อโลภเจตสิก อโทสเจตสิก อโมหะ คือ ปัญญาเจตสิกด้วย

    มีความสำคัญไหมคะ ในการที่ปฏิสนธิจิตจะประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และปฏิสนธิจิตประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก อโมหะ คือ ปัญญาเจตสิก

    สำหรับในชาติที่ประกอบด้วยอโลภะ และอโทสะ จะไม่ประกอบด้วยปัญญาเจตสิก เพราะฉะนั้นพื้นฐานของจิตก็ย่อมไม่สามารถที่จะอบรมเจริญปัญญาถึงขั้นที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรม ถ้าในชาตินั้นปฏิสนธิจิตไม่ประกอบด้วยปัญญาเจตสิก

    เพราะฉะนั้นถึงแม้ว่าจะเป็นรูปพรหมบุคคลแล้ว จุติจากรูปพรหมเกิดในกามสุคติภูมิ เพราะเหตุว่าจะไม่เกิดในอบายภูมิทันที แต่ว่าเมื่อเกิดในกามสุคติภูมิแล้ว อาจจะเป็นทวิเหตุกบุคคล คือ ประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิกเท่านั้น แต่ไม่มีปัญญาเจตสิกเกิดร่วมก็ได้ หรือเป็นติเหตุกบุคคล คือ ประกอบด้วยอโลภเจตสิก อโทสเจตสิก และปัญญาด้วย แต่ถ้าเป็นผู้ที่เกิดในอรูปพรหมภูมิ ปัญญามั่นคงกว่าจะได้ถึงขั้นอรูปฌาน เป็นอเนญชาภิสังขาร ไม่หวั่นไหว เพราะฉะนั้นเมื่อจุติจากอรูปพรหมก็จะเกิดในกามสุคติภูมิได้ แต่ว่าจะเป็นบุคคลที่เป็นติเหตุกะ คือ ประกอบด้วยอโลภะ อโทสะ และปัญญา

    เพราะฉะนั้นท่านที่นั่งอยู่ในที่นี้ ท่านจะมาจากภพภูมิไหนก็ไม่ทราบ ใช่ไหมคะ อาจจะมาจากภพภูมิอื่น และถ้าปฏิสนธิของท่านเป็นติเหตุกะ คือ ประกอบด้วยอโลภะ อโทสะ อโมหะ อาจจะมาจากอรูปพรหมภูมิก็ได้ เคยไปมาแล้ว แต่ว่าการอบรมเจริญสติปัฏฐานย่อมดีกว่าที่จะเป็นอรูปพรหมบุคคลโดยที่จะไม่รู้แจ้งอริยสัจธรรม เพราะเหตุว่าถ้าไม่ได้เป็นพระโสดาบันบุคคลในภูมิที่มีขันธ์ ๕ แล้วเกิดในอรูปพรหมภูมิ ไม่มีโอกาสที่จะรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยบุคคล

    การรู้แจ้งอริยสัจธรรมเป็นพระอริยเจ้าจะต้องในภูมิที่มีขันธ์ ๕ และในภูมิที่เป็นกามสุคติภูมิ

    เพราะฉะนั้นก็จะเห็นได้ว่า ถ้าเกิดเป็นมนุษย์ เป็นกามสุคติภูมิ มีโอกาสที่จะฟังพระธรรมให้เข้าใจขึ้น เพื่อจะอบรมเจริญปัญญาให้มากขึ้น หรือว่าเกิดในสวรรค์ชั้นหนึ่งชั้นใดใน ๖ ชั้น ก็มีศาลาสุธรรมาทุกชั้นที่จะได้ฟังพระธรรม ที่จะอบรมเจริญปัญญาให้มากขึ้น ถ้าไม่เพลิดเพลินในสมบัติ เพราะเหตุว่าอย่าลืมว่าแท้ที่จริงแล้ว สมบัติจริงๆ คือกรรม ไม่ใช่วัตถุสมบัติอื่นๆ


    หมายเลข 3513
    2 ส.ค. 2567