สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้รับผลของกรรม


    ท่านอาจารย์ สำหรับผู้ที่อาจจะไม่เชื่อเรื่องนรกสวรรค์ว่ามีหรือไม่ ก็ขอกล่าวถึงข้อความใน

    อังคุตตรนิกาย ทสกนิบาต ธรรมปริยายสูตร ข้อ ๑๙๓ ซึ่งพระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงธรรมปริยายอันเป็นเหตุแห่งความกระเสือกกระสนแก่เธอทั้งหลาย เธอทั้งหลายจงฟัง จงใส่ใจให้ดี เราจักกล่าว

    ภิกษุเหล่านั้นทูลรับพระผู้มีพระภาคแล้ว พระผู้มีพระภาคได้ตรัสว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ธรรมปริยายอันเป็นเหตุแห่งความกระเสือกกระสนเป็นไฉน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย สัตว์ทั้งหลายเป็นผู้มีกรรมเป็นของๆ ตน เป็นผู้รับผลของกรรม เป็นผู้มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นพวกพ้อง มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย กระทำกรรมใดไว้ เป็นกรรมดีหรือกรรมชั่วก็ตาม ย่อมเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ฯ

    นึกถึงคราวที่จะรับผลของกรรม เพื่อที่จะระลึกได้ว่า กรรมใดเป็นอกุศล ก็จงรีบละเว้นเสีย เพราะเหตุว่าอกุศลในอดีตก็ได้กระทำมามากมายแล้ว และถ้ายังกระทำต่อไป ก็ต้องเป็นปัจจัยที่จะกระทำให้เป็นผู้ได้รับผลของกรรมนั้น

    ข้อความต่อไป พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุคคลบางคนในโลกนี้ เป็นผู้ฆ่าสัตว์ หยาบช้า มีมือชุ่มด้วยโลหิต ตั้งอยู่ในการฆ่า และการทุบตี ไม่มีความเอ็นดูในสัตว์ที่มีชีวิตทั้งปวง บุคคลนั้นย่อมกระเสือกกระสนด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ กายกรรมของเขาคด วจีกรรมของเขาก็คด มโนกรรมของเขาก็คด คติของเขาก็คด อุบัติของเขาก็คด

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ นรกอันมีทุกข์โดยส่วนเดียว หรือกำเนิดเดรัจฉานอันมีปรกติกระเสือกกระสนของบุคคลผู้มีคติคด ผู้มีอุบัติคด ฯ

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็กำเนิดดิรัจฉานอันมีปรกติกระเสือกกระสนนั้นเป็นไฉน คือ งู แมลงป่อง ตะขาบ พังพอน แมว หนู นกเค้าแมว หรือสัตว์ทั้งหลายผู้เข้าถึงกำเนิดสัตว์เดรัจฉานเหล่าใดเหล่าหนึ่ง แม้อื่นๆ ที่เห็นมนุษย์แล้วย่อมกระเสือกกระสน

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย การอุบัติของสัตว์ย่อมมีเพราะกรรม อันมีแล้วด้วยประการดังนี้แล คือ เขาย่อมอุบัติด้วยกรรมที่เขาทำ ผัสสะอันเป็นวิบากย่อมถูกต้องเขาผู้อุบัติแล้ว

    ดูกรภิกษุทั้งหลาย เราย่อมกล่าวว่าสัตว์ทั้งหลายเป็นผู้รับผลของกรรม ด้วยประการฉะนี้ ฯ

    เวลาจะทำอกุศล กระเสือกกระสนไหมคะ ยังไม่เป็นอกุศลกรรม เพียงอกุศลจิตก็กระเสือกกระสนกันวุ่นวายหมด ในการทำมาหากินเลี้ยงชีพ ในการทำทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นปกติในชีวิตประจำวันซึ่งจำเป็น แต่สำหรับอกุศลกรรม ไม่น่าจะจำเป็นที่จะกระทำทางกาย ทางวาจา ทางใจ แต่ถ้าทำแล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    เรากล่าวคติ ๒ อย่าง อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ นรกอันมีทุกข์โดยส่วนเดียว หรือกำเนิดเดรัจฉานอันมีปรกติกระเสือกกระสนของบุคคล

    ผู้ฟัง ขอความกรุณาอาจารย์อ่านข้อความตอนท้ายซ้ำ ตอนที่ผัสสะอันเป็นวิบากย่อมถูกต้องเขา

    ผู้ฟัง ไม่เข้าใจข้อความที่ว่า ผัสสะอันเป็นวิบากย่อมถูกต้องเขา

    ท่านอาจารย์ ผู้อุบัติแล้ว ถ้าเกิดมาแล้ว มีใครบ้างที่จะไม่ได้รับผลของกรรม ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย นี่คือการรับผลของกรรม เพราะผัสสะต้องกระทบ ไม่มีสัตว์บุคคลเลย แต่ว่าผัสสะเป็นสภาพธรรมที่กระทบอารมณ์ และจิตที่เกิดพร้อมผัสสะนั้นก็รู้แจ้งในอารมณ์ที่ผัสสะกระทบ และเวทนาก็รู้สึกในอารมณ์ที่ผัสสะกระทบที่จิตกำลังรู้แจ้ง นี่คือการรับผลของกรรม

    ผู้ฟัง ผัสสะอันเป็นวิบาก หมายความถึงผัสสะในจักขุวิญญาณ เป็นต้น ใช่ไหมคะ

    ท่านอาจารย์ วิบากจิตทั้งหลายที่จะรับผลของกรรมทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย เกิดเป็นสัตว์กระเสือกกระสนไหมคะ หนีมนุษย์ ตามข้อความที่ว่า

    ก็กำเนิดเดรัจฉานอันมีปรกติกระเสือกกระสนนั้นเป็นไฉน คือ งู แมลงป่อง ตะขาบ พังพอน แมว หนู นกเค้าแมว หรือสัตว์ทั้งหลายผู้เข้าถึงกำเนิดสัตว์เดรัจฉานเหล่าใดเหล่าหนึ่ง แม้อื่นๆ ที่เห็นมนุษย์แล้วย่อมกระเสือกกระสน

    หนีภัยค่ะ เพราะเหตุว่ากลัวภัยที่จะเกิดทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย แม้สัตว์เดรัจฉานก็เหมือนกัน


    หมายเลข 3514
    2 ส.ค. 2567