ภวังคจิตเกิดต่อจากปฏิสนธิจิต
ผู้ฟัง จุติจิตเกิด ปฏิสนธิก็ทันทีที่ต่อขึ้นมา และจากนั้นที่ยังอยู่ในครรภ์เป็นจิตอะไร ที่ต่อจากปฏิสนธิ
ท่านอาจารย์ ถ้าพูดถึงธรรม เราพูดถึงจิต เราจะไม่พูดถึงว่าเกิดในครรภ์หรือว่าเกิดในเถ้าไคล หรือเกิดผุดเป็นตัวตน คือเมื่อปฏิสนธิจิตเกิดสืบต่อจากจุติจิต และดับไป ขณะต่อไปต้องเป็นภวังคจิต อยู่ในครรภ์ถ้าไม่มีจิตปฏิสนธิก็ไม่ใช่การเกิด
ผู้ฟัง คือหลังจากนั้นแล้วก็เป็นภวังค์ใช่ไหม
ท่านอาจารย์ หลังจากปฏิสนธิแล้วต้องเป็นภวังค์ และไม่ใช่ภวังค์ตลอดแล้วแต่ว่าจะเกิดวิถีจิตเมื่อไหร่ ไม่มีจำกัดว่าจะเป็นภวังค์นานเท่าไหร่
ผู้ฟัง แต่ก็มีอารมณ์ที่เป็นมโนทวาร อย่างนั้นหรือไม่
ท่านอาจารย์ มโนทวารวิถีจิต จะเกิดก่อนวิถีจิตอื่น ทุกภพชาติ หลังจากที่ปฏิสนธิจิตดับไปแล้ว แล้วภวังค์ดับไปแล้ว มโนทวารจะเกิดก่อนวิถีจิตทางทวารอื่นจะเกิดขึ้น
ผู้ฟัง ก็จะต้องเป็นอย่างนี้ไปเรื่อยๆ
ท่านอาจารย์ ทุกภพชาติต้องมีมโนทวารวิถีจิตเกิดก่อน
ผู้ฟัง แต่หลังจากปฏิสนธิแล้วต้องภวังค์ก่อน
ท่านอาจารย์ แน่นอน
ผู้ฟัง ถ้ายังไม่ได้เห็น ก็จะต้องเป็นมโนทวารอยู่อย่างนั้นใช่ไหม
ท่านอาจารย์ ถ้ายังไม่เห็นก็ต้องเป็นภวังค์ คือถ้าใช้คำว่าทวาร หมายความถึงทางที่จิตจะเกิดขึ้นรู้อารมณ์ ที่ไม่ใช้อารมณ์ของภวังค์ คือจะเป็นภวังค์ต่อไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าขณะที่เป็นปฏิสนธิจิต อารมณ์ไม่ปรากฎเลย เกิดในนรกอารมณ์ก็ไม่ได้ปรากฎ เกิดบนสวรรค์อารมณ์ก็ไม่ได้ปรากฎ เกิดในรูปพรหม อรูปพรหมภูมิ อารมณ์ก็ไม่ได้ปรากฎ เมื่อเป็นปฏิสนธิจิต ภวังคจิต และจุติจิต อารมณ์จะไม่ปรากฎเลย
ผู้ฟัง จากนั้นปรากฎตอนไหนะ
ท่านอาจารย์ ตอนที่อาศัยทางหนึ่ง ทางใด ใน ๖ ทาง เช่น อาศัยทางตาจะเกิดขึ้นเห็น นี่กำลังปรากฎ
ผู้ฟัง ในขณะที่ตายังไม่เห็น นั่นก็คือยังไม่ปรากฎ
ท่านอาจารย์ ขณะที่เป็นภวังค์ อารมณ์ไม่ปรากฎทางหนึ่งทางใดใน ๖ ทาง เพราะว่าขณะที่ไม่เห็น ได้ยินก็ได้ ขณะที่ไม่เห็น ไม่ได้ยิน คิดนึกก็ได้แต่ถ้าพูดถึงว่าอารมณ์ไม่ปรากฎ ก็คือขณะนั้นเป็น ปฏิสนธิจิต ภวังคจิต จุติจิต เท่านั้น ธรรมยังมีความละเอียดต่อไป สำหรับในพื้นฐานขั้นต้น เราก็พูดถึงกว้างๆ