ลมหายใจเป็นที่ตั้งของโลภะได้


    ลมหายใจทุกคนมี แต่การรู้ที่ลมหายใจด้วยโลภะได้ไหมคะ ตามความเป็นจริง ลองย้อนคิดซิว่า ลมหายใจมี เป็นที่ตั้งของโลภะได้ไหม ตามปกติ ทุกอย่างเป็นอารมณ์ของโลภะได้ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นรูป เป็นเสียง เป็นกลิ่น เป็นรส เป็นโผฏฐัพพะลมหายใจก็คือโผฏฐัพพารมณ์ อารมณ์ที่ปรากฏเมื่อกระทบสัมผัสในช่องจมูก หรือเบื้องบนริมฝีปาก เช่นเดียวกับโผฏฐัพพะซึ่งกระทบส่วนอื่นของร่างกาย และมีความปรารถนา มีความต้องการ มีความจำเป็นอะไรที่คิดว่า เมื่อจดจ้องที่ลมหายใจแล้วจิตจะสงบ ลมอื่นได้ไหม

    เพราะฉะนั้น ข้อที่ควรระลึกก็คือว่า เมื่อลมหายใจเป็นสภาพธรรมที่มีจริงที่เป็นโผฏฐัพพารมณ์ที่ปรากฏเมื่อกระทบกาย เป็นที่ตั้งของความพอใจได้หรือไม่ได้ ได้ไหมคะ ได้ เพราะฉะนั้น เมื่อจิตระลึกที่ลมหายใจโดยปราศจากปัญญา ขณะนั้นจะเป็นโลภะหรือจะเป็นความสงบ เพราะเหตุว่าเป็นความต้องการจะให้จิตอยู่ที่นั่น ลักษณะของการจดจ้องอยู่ที่อารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดเป็นลักษณะของสมาธิ ไม่ใช่ลักษณะของความสงบ

    เพราะฉะนั้น ไม่ว่าอารมณ์ใดก็ตามย่อมเป็นที่ตั้งของโลภะได้ทั้งสิ้น ถ้าปราศจากปัญญาที่จะรู้ในสภาพของจิตขณะนั้นว่า เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล เพราะเหตุใด เหตุนี้สำคัญมาก ถ้าปราศจากเหตุที่ถูกต้อง สติปัฏฐาน และปัญญาขั้นวิปัสสนาก็เกิดไม่ได้ ถ้าปราศจากเหตุที่ถูกต้อง ความสงบ และปัญญาขั้นสมถะก็เกิดไม่ได้เช่นกัน ไม่ใช่อยู่ดีๆ ทุกคนที่ไม่รู้อะไรเลย ก็ไปนั่งจดจ้องอยู่ที่ลมหายใจ แล้วจิตจะสงบ จะไม่มีกล่าวไว้ในพระไตรปิฎกเลยว่า การอบรมเจริญภาวนาสามารถกระทำได้ด้วยความไม่รู้

    เพราะฉะนั้น ผู้หนึ่งผู้ใดก็ตามซึ่งไม่รู้อะไร เพียงแต่รู้ว่า ให้จดจ้องที่ลมหายใจ รู้เพียงแค่ให้จดจ้องที่ลมหายใจ ไม่สามารถช่วยให้จิตสงบได้ จริงไหมคะ รู้อะไรคะ เพียงแต่ให้จดจ้องอยู่ที่ลมหายใจ นั่นไม่ใช่ลักษณะของปัญญาอะไรเลย ไม่รู้ด้วยว่า ทำไม เหตุอะไรจึงควรระลึกรู้ที่ลมหายใจ เมื่อไม่มีเหตุที่จะเป็นปัจจัยให้สงบ ความสงบก็เกิดไม่ได้ เพราะว่าไม่รู้ และได้รับคำสั่งมาว่า ให้จดจ้องที่ลมหายใจ นั่นไม่ใช่ความรู้อะไรเลย


    หมายเลข 3549
    3 ส.ค. 2567