ชีวิตขึ้นอยู่กับลมหายใจแผ่วๆ
การเจริญภาวนาทั้งสมถภาวนา และวิปัสสนาภาวนาต้องเกิดจากความรู้ซึ่งต่างขั้นกัน ความรู้ขั้นสมถะรู้เพียงว่า สภาพของจิตที่สงบเป็นอย่างไร และอารมณ์ที่จะทำให้จิตสงบนั้นคืออารมณ์อะไร ประกอบด้วยปัญญาอย่างไร แล้วจึงจะเจริญได้
เพราะฉะนั้น การที่จะให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดไปจดจ้องอยู่ที่ลมหายใจ นั่นไม่ใช่ข้อปฏิบัติของการเจริญสมถภาวนา แม้แต่ตัวท่านเอง หรือท่านจะบอกบุคคลอื่นว่า ให้จดจ้องที่ลมหายใจแล้วจิตจะสงบ นั่นก็ผิด เพราะเหตุว่าบุคคลผู้รับคำสั่ง คำแนะนำนั้นไม่เกิดปัญญาที่จะรู้อะไรเลย มีแต่ความจดจ้องอยู่ที่ลมหายใจเท่านั้น นั่นไม่ใช่ลักษณะของความสงบ ไม่ใช่ลักษณะของปัญญา
ลมหายใจมีจริง เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะเหตุว่าชีวิตดำรงอยู่ได้ ยังเป็นไปได้อยู่ชั่วขณะที่ยังมีลมหายใจอยู่เท่านั้นเอง ชีวิตที่คิดว่าสำคัญเหลือเกิน มีความเยื่อใยในทรัพย์สมบัติ ในรูปสมบัติ ในวิชาความรู้ต่างๆ ในฐานะ ในเกียรติยศ เห็นความสำคัญของสิ่งต่างๆ ว่ามากมาย แล้วก็ยึดถือติดว่าเป็นตัวตน เป็นของท่าน แท้ที่จริงแล้วก็ขึ้นกับลมหายใจแผ่วๆ ซึ่งลักษณะของโผฏฐัพพารมณ์ที่ละเอียดมาก
เพราะฉะนั้น ชีวิตที่ท่านคิดว่าใหญ่โตเหลือเกิน สำคัญเหลือเกิน ก็ปราศจากความหมายทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าขึ้นอยู่กับเพียงลมหายใจเบาๆ ซึ่งถ้าขาดหรือหมดไปแล้ว ทุกสิ่งของท่านก็สูญหมด ความเป็นบุคคลนี้ ความเป็นเจ้าของครอบครองเกียรติยศ ทรัพย์สมบัติ รูปสมบัติ ความรู้ต่างๆ ก็จะสิ้นไปหมด ทันทีที่ลมหายใจนั้นหมดไป เท่านั้นเอง
เห็นความสำคัญของลมหายใจว่าเหนือสิ่งอื่นใด เพราะเหตุว่าโลภทั้งโลก ชีวิตทั้งชีวิต ทุกสิ่งที่ท่านคิดว่าสำคัญเหลือเกินนั้น แท้ที่จริงก็ขึ้นอยู่กับสภาพซึ่งเล็กน้อยเหลือเกิน เพียงลมอ่อนๆ แล้วก็เกิดขึ้นปรากฏนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้นเอง นี่คือชั่วขณะหนึ่งๆ