ชนกกรรมเกิดจิตจะต้องมีสมาธิเพียงพอใช่ไหม


    ผู้ฟัง ชนกกรรมหรืออสันนกรรม ที่จะให้ไปสู่ที่ดี เป็นกุศล จิตต้องมีสมาธิเพียงพอใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ เจริญกุศลเพื่อให้กุศลหนึ่งเป็นปัจจัย แต่กุศลนั้นจะเป็นปัจจัยหรือไม่เป็นปัจจัย ไม่สามารถจะบังคับบัญชาได้ ตราบใดที่ยังไม่ใช่พระโสดาบันบุคคล ถ้ามีหนทางอย่างว่า พระผู้มีพระภาคต้องมีพระมหากรุณาช่วยทุกคนว่า ก่อนจะจุติ ต้องทำอย่างนี้นะ เพื่อจะได้ไม่ไปสู่อบายภูมิ

    ผู้ฟัง การที่เราสืบต่อกันมาให้ถืออรหันต์บ้าง อะไรบ้าง ไม่ใช่วิธีที่ถูกหรือครับ

    ท่านอาจารย์ เป็นแต่เพียงหนทางที่อาจจะทำให้ผู้ใกล้จะตายมีกรรมนิมิตอารมณ์เกิดขึ้น เพราะเสียงนั้นเตือนให้ระลึกถึงพระอรหันต์ เตือนให้ระลึกถึงสิ่งที่ทำให้กุศลจิตเกิด

    ผู้ฟัง อันนั้นก็คือสตินั่นเอง

    ท่านอาจารย์ แล้วแต่สติของบุคคลนั้นจะเกิดหรือไม่เกิด ซึ่งย่อมแล้วแต่กรรม

    ผู้ฟัง สมมติว่าเกิด เพราะคำว่า อรหันต์ ผมก็นึกถึงว่า สมมติเกิด แล้วเป็นผลดีด้วยถ้านึกถึงอรหันต์ มีแพทย์บางคนก็คิดว่า จรรยาแพทย์ในขณะนี้ควรจะเปลี่ยน เพราะทุกคนห่วงคนตายก่อนจะสิ้นลมปราณ ให้แพทยเยียวยาทุกครั้งที่มีอาการหนัก แพทย์ก็จะเอาเข็มฉีดยาทิ่มแทงตามเส้นโลหิตต่างๆ ผู้ตายก็พยายามสงบสติอารมณ์เพราะเรียนพระพุทธศาสนามาบ้าง แต่ทุกครั้งที่ถูกเข็มแทง กายก็กระเพื่อม ซึ่งจิตก็ต้องกระเพื่อมด้วย

    ท่านอาจารย์ อันนี้คงเป็นเรื่องของเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น เพราะเหตุว่าพอถึงเวลานั้นจริงๆ ความสับสน ความวุ่นวาย ทุกสิ่งทุกอย่างอาจจะเกิดขึ้นเป็นอย่างนั้น หรือไม่เป็นอย่างนั้นก็ได้ ตามกรรมจริงๆ แต่ข้อสำคัญให้ทราบว่า มรณาสันนวิถีซึ่งเป็นขณะจิตสุดท้ายก่อนจุติจะเกิด เร็วมาก ไม่มีใครสามารถรู้ได้ว่า ในขณะนั้นจะเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต เพราะแม้แต่ผู้หนึ่งผู้ใดจะกล่าวว่า อรหันต์ หรือมีพระพุทธรูปตั้งอยู่ หรือมีกลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้หอมๆ เพื่อให้กุศลจิตเกิด แต่ต้องแล้วแต่กรรมที่จะเป็นชนกกรรมของบุคคลนั้นว่า จะเป็นกรรมใด ถ้าเป็นอกุศลกรรม ก็จะมีอารมณ์ที่ทำให้จิตเศร้าหมองเกิดขึ้น จิตเศร้าหมองในที่นี้หมายถึงเป็นอกุศลจิตเกิดขึ้น แล้วแต่จะเป็นจิตที่เป็นโลภมูลจิตหรือโทสมูลจิต โมหมูลจิตก็ตามแต่ ทำให้ปฏิสนธิในอบายภูมิ แต่ถ้ากุศลกรรมเป็นชนกกรรม ไม่ว่าจะถูกเข็มแทงเจ็บปวด แต่กรรมนั้นก็ยังทำให้จิตที่เป็นชวนจิตสุดท้ายก่อนจุติจิตผ่องใสเป็นกุศล เพราะเหตุว่าก่อนจะตายจริงๆ ไม่อยู่ในอำนาจของใครทั้งสิ้น นอกจากอำนาจของชนกกรรม ซึ่งเป็นกรรมเดียวเท่านั้นที่จะทำให้อารมณ์หนึ่งอารมณ์ใดเกิดปรากฏ และจิตที่มีอารมณ์นั้นจะเป็นกุศลจิตหรืออกุศลจิต เพราะเป็นผลของชนกกรรม ไม่ใช่เตรียมตัวไว้ พอใกล้จะตาย ทุกอย่างเป็นกุศลหมด พยายามให้จิตเป็นกุศลหมดเมื่อใกล้จะตาย เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่านิมิตต่างๆ หรืออารมณ์ ที่ใช้คำว่า กรรมอารมณ์ กรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์ หมายความถึงอารมณ์ที่ปรากฏ จะเป็นทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทางหนึ่งทางใดก็ได้ แล้วแต่ประเภทของอารมณ์นั้น เช่นถ้าเป็นกรรมอารมณ์ ใครจะพูดว่า อรหัง หรือใครจะเอาเข็มแทง แต่จิตของบุคคลนั้น มีกรรมที่เคยกระทำแล้วเป็นชนกกรรมทำให้ปฏิสนธิจิตเกิดต่อจากจุติจิต ชนกกรรมนั้นเองจะทำให้จิตของบุคคลนั้นนึกถึงกรรมที่เป็นกุศลที่ได้กระทำแล้ว แม้ว่ากำลังถูกเข็มแทง หรือกำลังได้ยินคำว่า อรหังก็ตาม ถ้าเป็นกุศลกรรมก็จะทำให้บุคคลนั้นระลึกถึงกรรมที่ได้กระทำแล้ว ที่เป็นกุศล แล้วกุศลจิตก็เกิด

    นี่ก็เป็นประเภทหนึ่งของอารมณ์ที่แสดงว่า จะเป็นอารมณ์ของปฏิสนธิจิตต่อจากจุติจิต

    ปกติก่อนที่จุติจิตจะเกิด ก็มีสีขณะนี้เป็นอารมณ์ มีเสียงทางหูเป็นอารมณ์ มีกลิ่นเป็นอารมณ์ได้ มีรสเป็นอารมณ์ได้ มีโผฏฐัพพะเป็นอารมณ์ได้ กำลังคิดนึกรู้เรื่องต่างๆ ทางใจได้ แต่ไม่ใช่คำว่า กรรมอารมณ์ หรือกรรมนิมิตอารมณ์ หรือคตินิมิตอารมณ์ เพราะเหตุใด เพราะสำหรับ ๓ อารมณ์นี้ เป็นอารมณ์ของจิตใกล้จะจุติ ซึ่งจะเป็นอารมณ์ของปฏิสนธิจิตสืบต่อจากจุติจิต เท่านั้นเอง แต่ก็คือสิ่งที่กำลังปรากฏทางตาอย่างนี้ ถ้าจุติจิตจะเกิดต่อจากจักขุทวารวิถี ก็คือกำลังเห็นเดี๋ยวนี้สบายๆ แล้วจุติจิตก็เกิด แล้วทำกิจเคลื่อนจากความเป็นบุคคลนี้

    เพราะฉะนั้น สิ่งที่ปรากฏทางตาในขณะนี้ก็เป็นกรรมนิมิตอารมณ์ หรืออาจจะเป็นเสียงทางหูที่กำลังได้ยินเรื่องของธรรมนี้ก็ได้ แล้วก็มีจุติจิตเกิด บุคคลนั้นกำลังมีเสียงเป็นอารมณ์ เป็นกรรมนิมิตอารมณ์ที่จะทำให้ปฏิสนธิจิตมีเสียงนี้เป็นอารมณ์ แล้วทำให้ปฏิสนธิในสุคติภูมิ ถ้ากุศลจิตเกิด

    เพราะฉะนั้น พวกกรรมนิมิตอารมณ์ก็คือชีวิตประจำวัน ธรรมดา ทางตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ นั่นเอง หรือสำหรับผู้ได้ฌานก็มีกสิณนิมิตเป็นอารมณ์ ซึ่งก็คือกรรมนิมิตนั่นเอง เพราะเหตุว่าเป็นนิมิตที่ทำให้เกิดในพรหมภูมิชั้นต่างๆ


    หมายเลข 3563
    28 ก.ค. 2567