อานาปานสติสมาธิ


    การเจริญสมาธิต้องเป็นผู้ที่สะสมมาในการเจริญสมาธิด้วย สังเกตดูจากชีวิตในขณะนี้ก็ได้ ทุกคนมีตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ และในวันหนึ่งๆ ก็มีการเห็น มีการได้ยิน มีการคิดนึก มีสักกี่ท่านที่เจริญสมาธิ

    เมื่อการเจริญสมาธิมีน้อย และสมาธินั้นก็มีทั้งอารมณ์ที่หยาบ หรืออารมณ์ที่ประณีต โดยเฉพาะเรื่องของลมหายใจ ถึงแม้ว่าเป็นสิ่งที่มี แต่ก็เป็นสิ่งที่ประณีต

    เพราะฉะนั้น ผู้ที่เจริญสมาธิ มีสักกี่ท่านที่เจริญอานาปานสติจริงๆ โดยการระลึกรู้ลักษณะของลมหายใจที่กระทบที่ปรากฏทั้งเบื้องต้น ท่ามกลาง ที่สุด จนกระทั่งจิตสงบขึ้น เป็นสิ่งที่ยาก อย่างอสุภกัมมัฏฐานยังหยาบกว่าเรื่องของลมหายใจ ทุกอย่างที่เนื่องกับกายอยู่ในกายานุปัสนาสติปัฏฐาน สติระลึกที่กายก็อยู่ในบรรพของกายานุปัสนา มีท่านผู้ฟังหลายท่านสงสัยว่า ควรที่จะรู้ลักษณะของลมหายใจเพื่อจะได้หายสงสัย และเพื่อที่จะได้ช่วยผู้อื่นด้วย

    ความจริงการเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่อัตตาตัวตนที่จะไปจงใจต้องการรู้นามไหนรูปไหนเลย แล้วแต่ว่าสติจะระลึกทางตา หรือทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ

    ถ้าผู้ใดเคยสะสมอบรมมาที่สติจะระลึกรู้ลักษณะของนาม และรูปบ่อยขึ้น ชินขึ้น สติจะไประลึกที่ลมหายใจก็เป็นเรื่องของสติเอง แต่ไม่ใช่ว่าเวลานี้ไม่ปรากฏ แต่อยากรู้ว่า ลมหายใจนั้นเป็นอย่างไร พยายามจดจ้องทิ้งทางอื่น ทางตาไม่ระลึก ทางหูไม่ระลึกตามปกติธรรมดา และมุ่งที่จะไปรู้ลมหายใจที่กระทบว่าเมื่อไหร่จะปรากฏ

    ถ้าอย่างนั้นเป็นเรื่องของตัวตน แต่การเจริญสติปัฏฐานไม่ใช่ว่าทุกท่านจะรู้นามละเอียดหมดทุกประเภท แม้แต่สัมปฏิจฉนะ สันตีรณะ โวฏฐัพพนะ หรืออะไรตามที่พระสัพพัญญุตญาณได้ทรงแสดงไว้ ไม่ใช่ว่าบุคคลแต่ละบุคคลจะมีความสามารถเท่าๆ กันที่จะไปรู้นามธรรมอย่างละเอียดถึงอย่างนั้น หรือรูปธรรมที่มีอย่างละเอียด แต่ผู้ใดจะรู้มาก จะรู้น้อย จะรู้ประเภทไหน ชนิดไหน แล้วแต่สติปัญญาที่ได้อบรมสั่งสมมา

    เพราะฉะนั้น ทุกคนเพียงเจริญสติตามปกติ ไม่คำนึงถึงว่าต้องการจะรู้ลมหายใจ หรือต้องการจะรู้กลิ่นกับลมหายใจว่าต่างกันอย่างไร เพราะกระทบที่จมูกเหมือนกัน แต่ว่าลมหายใจกระทบกายปสาทะ แต่กลิ่นกระทบฆานปสาทะซึ่งมีอยู่ในที่นั้น

    บางท่านศึกษาปริยัติมาก อยากจะหายสงสัย เพื่อแก้ความสงสัยของตัวท่านเอง และของผู้อื่นด้วย ถ้ายังเป็นตัวตนที่ต้องการจะรู้ เพื่อแก้ความสงสัย ไม่มีหนทางที่จะประจักษ์ลักษณะของสภาพธรรมตามความเป็นจริงได้ แต่ตรงกันข้ามเจริญสติเรื่อยๆ รู้ลักษณะของนาม และรูปมากขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่งการที่เคยสะสมอบรมมา สติปัญญาคมกล้าขึ้นเพิ่มพูนขึ้น สติจะระลึกรู้นามหรือรูปที่ละเอียดอย่างไรก็ได้ตามควรแก่บุคคลนั้นๆ


    หมายเลข 3652
    2 ส.ค. 2567