โลภมูลจิต กับ สหชาตาธิปติปัจจัย
เพื่อที่จะให้ท่านผู้ฟังได้พิจารณาถึงความละเอียดจริง ๆ
ขอถามว่า โลภเจตสิกซึ่งเป็นเหตุ เป็นเห-ตุปัจจัยเป็นสหชาตาธิปติปัจจัยได้ไหม
ถ้าถามอย่างนี้ ก็จะต้องคิดถึงสภาพธรรมที่เป็นอธิปติ ที่เป็นสหชาตาธิปติปัจจัย ว่าได้แก่ ฉันทเจตสิก วิริยเจตสิก และชวนจิตที่ประกอบด้วยเหตุ ๒ ขึ้นไป และปัญญาเจตสิก
เพราะฉะนั้นโลภเจตสิกเป็นสหชาตาธิปติปัจจัยได้ไหม ?
ทุกคนมีโลภะอยู่เสมอ แต่ยังไม่รู้ลักษณะแท้จริงของโลภะ เพียงแต่เพิ่งเริ่มรู้ว่า โลภเจตสิกเป็นเหตุที่จะทำให้โลภมูลจิตเกิดขึ้น และทำให้เจตสิกอื่น ๆ ซึ่งเกิดกับโลภมูลจิตนั้นเกิดขึ้นเป็นไปตามเหตุนั้นคือ ถ้าโลภะเป็นเหตุ จิตที่เกิดร่วมด้วยต้องเป็นโลภมูลจิต มีโลภะเป็นมูล และเจตสิกอื่น ๆ ซึ่งเกิดร่วมด้วยก็ต้องเกิดขึ้นเพราะโลภะนั้นเป็นเหตุให้เจตสิกเหล่านั้นเกิดร่วมกับจิตนั้น
เพราะฉะนั้นถ้ากล่าวถึงเห-ตุปัจจัยโลภเหตุเป็นสหชาตาธิปติปัจจัยได้ไหม ในเมื่ออธิปติปัจจัยได้แก่ ฉันทเจตสิก วิริยเจตสิก ปัญญาเจตสิก และจิตที่ประกอบด้วยเหตุ ๒ ขึ้นไป
เพราะฉะนั้นโลภเจตสิกเป็นสหชาตาธิปติปัจจัยได้ไหม นี่คือการที่จะได้เข้าใจว่า สิ่งที่ได้ยินได้ฟังมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อได้ฟังอีกครั้งหนึ่ง จะยังคงเป็นความเข้าใจที่ชัดเจน หรือยังสงสัย ยังข้องใจอยู่
คำตอบคือ นี่เป็นการทดสอบความเข้าใจของแต่ละบุคคล
ตอบ ไม่ได้ เพราะเหตุว่าอธิปติปัจจัย ได้แก่ ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา พูดถึงโลภเจตสิก อย่าลืมว่าปรมัตถธรรม ๔ จิต เจตสิก รูป นิพพาน เมื่อพูดถึงเจตสิก เห-ตุปัจจัย ได้แก่เจตสิก แม้แต่โลภมูลจิตก็ไม่ใช่เหตุ ไม่ใช่เห-ตุปัจจัย ต้องเฉพาะโลภเจตสิกเท่านั้น ที่เป็นเห-ตุปัจจัย ฉันใด
สำหรับสหชาตาธิปติก็เช่นเดียวกัน คือ ฉันทเจตสิกเป็นสหชาตาธิปติปัจจัย วิริยเจตสิกเป็นสหชาตาธิปติปัจจัย ปัญญาเจตสิกเป็นสหชาตาธิปติปัจจัย ไม่มีโลภะใช่ไหม ฉันทะ วิริยะ ปัญญา และจิต ซึ่งเป็นชวนจิต ซึ่งประกอบด้วย ๒ เหตุ หรือ ๓ เหตุ แม้แต่ชวนจิตซึ่งประกอบด้วยเหตุเดียว ก็ไม่สามารถที่จะเป็นสหชาตาธิปติปัจจัยได้
เพราะฉะนั้นไม่มีโลภเจตสิกเลยในสหชาตาธิปติปัจจัย
นี่แสดงให้เห็นว่า โลภเจตสิกที่ทุกคนมีเป็นเหตุประจำให้เกิดโลภมูลจิต แต่ว่าโลภเจตสิกไม่ใช่สหชาตาธิปติปัจจัย นี่เป็นความเข้าใจซึ่งต้องเข้าใจความละเอียด