ทาน-การวิรัติทุจริต-ปัญญารู้ความสงบ


    ในขณะที่ให้ทาน วุ่นวาย ต้องมีเรื่องต้องทำมากมายหลายเรื่อง ความผ่องใสซึ่งปรากฏเป็นความสงบน้อยมากทีเดียว ถูกไหมคะ เพราะเหตุว่าแม้กุศลจิตซึ่งไม่ประกอบด้วยปัญญาก็สามารถกระทำทานกุศลได้ เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายก็ทำทานหรือรักษาศีลด้วยจิตที่เป็นกุศลเพียงเล็กน้อย เพราะเหตุว่ายังไม่รู้ลักษณะสภาพของจิตที่สงบที่ปราศจากอกุศล แต่ถ้าศึกษาพระธรรมมากขึ้น และสังเกตรู้ลักษณะของจิตที่เป็นกุศล ซึ่งต่างกับจิตที่เป็นอกุศลแล้ว แม้ขณะที่กระทำทานกุศล หรือการวิรัติทุจริต จิตของท่านก็จะเป็นกุศลเพิ่มขึ้น คือ กระทำด้วยความสงบ หรือกระทำด้วยสติปัฏฐานซึ่งระลึกรู้ลักษณะสภาพของจิตในขณะนั้น ขณะใดที่ปัญญาเกิด ขณะนั้นสงบ แต่ความสงบก็มีหลายลักษณะ ซึ่งไม่ได้อยู่ในหนังสือหรือในตำรา อยู่ที่ลักษณะของจิตของท่านซึ่งใกล้มาก สามารถจะศึกษา สามารถพิสูจน์ได้ แต่ต้องเป็นปัญญาเท่านั้นที่จะรู้ได้

    เพราะฉะนั้น ถ้าขณะนี้เท่าที่ได้ฟัง และเข้าใจว่า สภาพธรรมปรากฏตลอดเวลา ทางตาก็เป็นสภาพธรรม ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคลเลย เป็นธรรมแต่ละชนิดทั้งนั้น แต่ละลักษณะ แต่เมื่อธรรมปรากฏไม่รู้ ใช่ไหมคะ เวลานี้

    เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า สภาพธรรมมีมากจริง แต่รู้สภาพธรรมอะไรบ้างแล้ว จิตขณะนี้สำคัญที่สุด ลองหาความสงบของจิตในขณะนี้ซิคะว่า พบไหม จิตกำลังมี สงบไหม ถ้าจิตไม่สงบ แล้วจะสงบเพราะอะไร นี่เป็นเหตุที่จะเจริญความสงบ คือ สมถภาวนาได้ แต่ถ้ายังไม่รู้ลักษณะของจิตที่สงบว่า ขณะที่สงบต่างกับขณะที่ไม่สงบอย่างไร เพียงแต่จะไปจดจ้องทำสมาธิ ท่องบ่นภาวนาประการใดๆ ก็ตาม ขณะนั้นจิตจะไม่สงบแน่นอน ไม่ใช่เป็นการเจริญสมถภาวนาด้วย


    หมายเลข 3774
    3 ส.ค. 2567