ศีล เป็นไปในการไม่เบียดเบียน


    ผู้ฟัง ถ้าหากว่าเห็นยุง แล้วก็เกิดเมตตาว่าไม่น่าไปฆ่ายุง ก็ทำให้เกิดศีล ขั้นปาณาติบาต ถ้าคิดอย่างนี้ เมตตาซึ่งเป็นกุศลจิตก็เป็นเหตุทำให้เกิดศีล

    ท่านอาจารย์ โดยมากเราคิดว่าศีลเป็นชื่อ เป็นหมวด เป็นหัวข้อ แต่จริงๆ แล้ว ก็คือการกระทำ ทางกาย ทางวาจา ซึ่งถ้าเป็นกุศลก็จะไม่มีการเบียดเบียนผู้อื่นให้เดือดร้อนเลย ขณะที่กุศลจิตเกิด ใครเบียดเบียนคนอื่นบ้าง แม้ด้วยกาย หรือแม้ด้วยวาจา ไม่มีใช่ไหม ขณะนั้นเป็นศีลหรือเปล่า ในกาย วาจา ก็เป็นไปตามกุศลจิต

    ผู้ฟัง เพราะฉะนั้น อย่างเมตตาก็ไม่ใช่ศีล

    ท่านอาจารย์ ขณะนั้นเบียดเบียนใครหรือเปล่า ขณะที่เมตตาเบียดเบียน หรือเปล่า ประทุษร้ายใครหรือเปล่า เป็นความสงบของจิต เพราะฉะนั้นศีลเป็นพื้นสำหรับกุศลทั้งหลาย แม้แต่ขณะที่ให้ทานก็ต้องเป็นกุศลจิต เพราะเบียดเบียนไป ตีไป ให้ไป ก็คงไม่ได้ใช่ไหม

    ผู้ฟัง แต่ไม่เรียกว่าเป็นศีลใช่ไหม

    ท่านอาจารย์ เราจะพูดถึงชื่อ หรือพูดถึงธรรม เพราะเหตุว่าขณะที่เป็นกุศลจิตเกิดขึ้น ขณะนั้นไม่เบียดเบียน ยังไม่มีการให้อะไรเลยก็ได้ แต่เวลาที่เกิดกุศลจิตแล้ว เป็นไปในการให้ก็ได้ เป็นไปในการทำสิ่งที่ควรทำกับผู้ที่ควรก็ได้ เพราะว่าศีลไม่ใช่แต่เฉพาะวิรัติเท่านั้น ไม่ใช่งดเว้นอย่างเดียว ยังมีสิ่งที่ควรกระทำด้วย รวมทั้งหมดก็เป็นศีล ๓ คือที่วิรัติทุจริต แล้วที่มีการช่วยเหลือบุคคลอื่นที่ควรช่วย แล้วก็มีการอ่อนน้อมต่อผู้ที่ควรอ่อนน้อม ขณะนั้นก็เป็นกุศลจิต เป็นไปทางกาย ทางวาจาได้ และก็อาจจะเป็นไปในทานในขณะที่ให้ หรือว่าเป็นความสงบของจิตที่เพิ่มขึ้น มากขึ้นก็ได้ คือไม่อยากจะให้อยู่ที่คำ แล้วก็จำกัด แต่ว่าต้องเป็นความเข้าใจจริงๆ ว่าสภาพธรรมนั้น เป็นอะไร เมื่อเป็นกุศล เป็นศีลด้วยหรือเปล่า

    ผู้ฟัง กุศลจิต ถ้าพูดโดยนัยยะของการที่สังวร ระวัง ก็เป็นลักษณะของศีลเหมือนกัน

    ท่านอาจารย์ ทั้งหมดเลย

    ผู้ฟัง กุศลจิตทุกชนิดก็เป็นศีล

    ท่านอาจารย์ ศีลไม่เบียดเบียนใครใช่ไหม กุศลจิตก็ไม่เบียดเบียน


    หมายเลข 3786
    20 ส.ค. 2567