ไม่ติดในนิมิต อนุพยัญชนะ
ท่านอาจารย์ ถ้าเข้าใจสติปัฏฐาน แล้วก็ถ้าเป็นผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐาน ก็จะเข้าใจความหมายของ ไม่ติดในนิมิตอนุพยัญชนะ เพราะเหตุว่าขณะนี้ ไม่มีใคร ที่จะไม่รู้ว่าสิ่งที่กำลังปรากฏทางตา เป็นใคร จำได้ แต่ว่าเริ่มจะมีความเข้าใจถูก ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา จะระลึกได้มากน้อยเท่าไหร่ก็แล้วแต่ ไม่ใช่หมายความว่าเราจะต้องไปนั่งนึกทั้งวัน พยายามที่จะไม่เห็นเป็นคน เป็นสัตว์ แต่ว่าแม้ปกติธรรมดาอย่างนี้ ก็จะมีความเข้าใจที่ค่อยๆ เกิดขึ้น ค่อยๆ เกิดขึ้นคือค่อยๆ คล้อยไปตามความจริง ไม่ใช่ไปนึกเอา โดยที่ไม่คล้อย เพราะปัญญาไม่เกิด นึกว่าไม่ใช่คน ไม่ใช่สัตว์ เป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ใช่ให้คิดหรือไม่ใช่ให้นึก แต่จากความที่ค่อยๆ เข้าใจใน สิ่งที่ปรากฏ แม้ขณะนี้ก็เป็นความเข้าใจที่สามารถจะเข้าใจได้ ว่าสิ่งที่สามารถปรากฏทางตา ก็คือสิ่งนี้เอง ที่สามารถปรากฏเป็นสีสันวรรณะต่างๆ เท่านั้น ต่อจากนั้นก็มีการที่จะรับรู้สิ่งที่ปรากฏทางตา แล้วก็คิดนึกเรื่องราวต่างๆ แต่จะรู้ได้ว่าขณะที่กำลังเข้าใจ ว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา ชั่วขณะนั้นจะน้อยสักแค่ไหน ไม่พอที่จะไม่ให้เห็นว่าเป็นคน เป็นสัตว์ ไม่ให้เห็นว่าเป็นโต๊ะ เป็นเก้าอี้ ไม่ใช่ให้เห็นอย่างนั้นทันที แต่เริ่มแม้นิดเดียวที่จะเกิดขึ้นว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เพราะว่าวันนี้ที่เราเห็นเป็นคนเป็นสัตว์เป็นอะไร จิตเกิดดับนับไม่ถ้วน เพราะฉะนั้นถ้าเกิดมีความเข้าใจสักนิดนึงว่าเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏเข้าใจ ไม่ใช่ว่าไปคิดเป็นคำ แต่สิ่งนี้กำลังปรากฏ ก็เข้าใจในลักษณะนี้ ว่าเป็นสภาพธรรมอย่างหนึ่ง
สิ่งที่มีเป็นอย่างนี้ พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงบัญญัติคำ มิฉะนั้นเราไม่มีหนทางจะอธิบายกันอย่างไร ให้เข้าใจว่าสิ่งที่ปรากฏก็เป็นแต่เพียงธรรมอย่างหนึ่ง ซึ่งกระทบจากจักขุปสาทจึงปรากฏได้ แค่นี้เอง ไม่มีอะไรที่มากกว่านี้เลย สิ่งที่ปรากฏทางตาในเมื่อกระทบจักขุปสาทจึงปรากฏ และจิตเห็นก็สามารถเห็นสิ่งที่ปรากฏทางตา จิตอื่นไม่สามารถที่จะทำกิจนี้เลย เพราะฉะนั้นในขณะที่กำลังเริ่มเข้าใจทีละนิดทีละหน่อย ไม่ต้องไปกังวลว่าเราจะยังคงเห็นเป็นสัตว์ เป็นบุคคล เป็นสิ่งนั้นสิ่งนี้อยู่ แต่จะรู้ขณะที่ต่างกันคือ ไม่มีการคิดว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏ ไม่มีการเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ปรากฏ ต่อเมื่อใดเกิดค่อยๆ เข้าใจขึ้น ขณะรู้ว่าสติเกิด และสติขณะนั้นไม่ได้ไปรู้อื่น แต่กำลังรู้สิ่งที่กำลังปรากฏ และชั่วขณะน้อยแสนน้อยที่เกิดขึ้น ขณะนั้นไม่ติดในนิมิตอนุพยัญชนะ เพราะขณะนั้นกำลังเริ่มเข้าใจว่า เป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา จนกว่าสามารถที่จะระลึกได้ ไม่ว่าจะเป็นทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ทางใจ