อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา
คำที่ชินหู เช่นคำว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่ใช่ขณะอื่นเลย แต่เป็นความลึกซึ้งของสภาพธรรมที่ปรากฏ เพราะเกิดแล้ว ถ้าไม่เกิดปรากฏไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเราก็ต้องค่อยๆคิด ค่อยๆพิจารณา สิ่งที่กำลังมีจริงที่กำลังปรากฏในขณะนี้ เกิดแล้วหรือเปล่า เกิดจึงได้ปรากฏ แค่นี้ก็เป็นการเริ่มเข้าใจถูกในสิ่งที่มี แม้ว่าการเกิดของสภาพธรรมเหล่านี้ และการดับไปของสภาพธรรมเหล่านี้ยังไม่ได้ปรากฏ แต่จากการไตร่ตรองรู้ว่า ขณะนี้เป็นธรรม ฟังเพื่อให้เข้าใจความจริงของสิ่งที่กำลังปรากฏ ซึ่งความจริงคือสิ่งใดก็ตามที่กำลังปรากฏ สิ่งนั้นเกิดแล้วจึงปรากฏ แล้วสิ่งที่เกิดแล้วที่เคยเป็นเราในแต่ละวัน มีหลายอย่างไหมคะ หรือมีอย่างเดียว ธรรมต้องเป็นเดี๋ยวนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่มีจริงๆเดี๋ยวนี้ถ้าเราจะเข้าใจขึ้น ไมใช่มีเพียงอย่างเดียว แม้ว่าเป็นสภาพธรรมที่มีจริง ทุกคนรับรอง ขณะนี้เป็นสภาพธรรมที่มีจริง เกิดแล้วด้วย แต่ไม่ประจักษ์การเกิดและดับ
แสดงว่าเรายังไม่ได้มีรู้ถึงความจริงตามที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณาแสดงถึง ๔๕ พรรษา แต่จากการฟังแล้วค่อยๆเข้าใจขึ้นทีละเล็กทีละน้อย วันหนึ่งก็สามารถที่จะประจักษ์ได้จริงๆว่า ที่ตรัสไว้ทั้งหมดเป็นคำจริง ไม่เป็นสอง ไม่เปลี่ยนเป็นอย่างอื่น
เพราะฉะนั้นถ้าเรามีความเข้าใจขึ้นก็รู้ว่า นี่คือธรรม นี่คือหนทางที่จะทำให้แต่ละคนมีปัญญา มีความเห็นถูกในสภาพธรรมในขณะนี้ จนกระทั่งสามารถเข้าถึงความเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาของสภาพธรรมนั้นได้
การฟังธรรมมีจุดประสงค์อย่างนี้หรือเปล่าคะ