คุณของพระธรรม


    และสำหรับสมถภาวนาเพียงแต่รู้ว่า สมถกัมมัฏฐานมีอะไรบ้างไม่พอเลย การจะเจริญสมถภาวนา อย่างเช่นคำถามของท่านผู้ฟังเรื่องของปฐวีกสิณ ก็จะเห็นได้ว่า ถ้าปัญญาไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถสงบได้ และขณะนี้มีปฐวีกสิณไหมที่จะให้เป็นสมถภาวนา แต่มีสภาพธรรมที่ปรากฏแล้วยังไม่รู้ก็ควรจะรู้ ขณะใดที่รู้ ขณะนั้นจะสงบด้วย

    เพราะฉะนั้น จะเห็นคุณของพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคทรงแสดงว่า ถ้าพระองค์ไม่ทรงแสดงสภาพธรรมพร้อมด้วยเหตุ และผลอย่างละเอียดแล้ว สัตว์โลกทั้งหลายย่อมไม่สามารถพ้นไปจากความเห็นผิด และความไม่รู้ในสภาพธรรมที่ปรากฏ โดยเฉพาะพระผู้มีพระภาคทรงดับขันธ์ปรินิพพานไปนานแล้ว และต่อไปก็จะนาน นานต่อไปอีก ถ้าท่านผู้ใดจะไม่ศึกษาธรรม ไม่ฟังธรรม แต่คิดว่า เข้าใจธรรมแล้ว และไม่มีอะไรที่จะต้องศึกษาต่อไป ไม่มีอะไรที่จะฟังต่อไปก็ย่อมเป็นผู้ประมาท เพราะเหตุว่าย่อมเข้าใจผิดได้ แต่ถ้าศึกษาพระธรรม ฟังพระธรรมอยู่เสมอก็ย่อมมีความรู้ในสภาพธรรมที่ปรากฏเพิ่มขึ้น และธรรมที่ได้ยินได้ฟังก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้ที่ได้รับฟังได้ ซึ่งทุกท่านก็จะพิสูจน์ได้กับตัวของท่านเองว่า อย่างน้อยที่สุดก็เปลี่ยนจากความไม่รู้อะไร เป็นรู้ขึ้น แล้วเปลี่ยนจากการย่อหย่อนในการเจริญกุศลเพิ่มเป็นกุศลยิ่งขึ้น ท่านที่เคยเป็นผู้ตระหนี่ ก็มีการบริจาค หรือบำเพ็ญทานกุศลเพิ่มขึ้น ท่านที่มีสิกขาทุรพล คือ ย่อหย่อนในศีล ก็จะรู้สึกว่า เพิ่มพูนขึ้นในการรักษาศีล และถ้าได้ศึกษาธรรมต่อไป กุศลประการอื่นๆ ก็จะเพิ่มพูนขึ้น และท่านจะเปรียบเทียบได้จริงๆ ว่า พระธรรมเปลี่ยนจากอกุศลซึ่งเคยมีมากให้ลดน้อยลง แล้วเพิ่มพูนทางฝ่ายกุศลยิ่งขึ้น


    หมายเลข 3894
    3 ส.ค. 2567