ลักษณะของสัมมาอาชีวะ


    ผู้ฟัง พูดถึงสติปัฏฐาน ซึ่งมีมรรคมีองค์ ๘ ก็มีปัญหาเกี่ยวกับตัววิรตีเจตสิก ซึ่งมีสัมมาวาจาเจตสิก สัมมากัมมันตเจตสิก แต่ที่มีปัญหาคือจะเรียนถามเกี่ยวกับสัมมาอาชีวะ เป็นลักษณะอย่างไร

    อ.อรรณพ สัมมาอาชีวะ เป็นเจตสิก คือสัมมาอาชีวเจตสิก ซึ่งเป็นเจตสิกธรรม ที่เป็นโสภณธรรม ที่งดเว้นทุจริต ที่เกี่ยวกับการงานอาชีพ ถึงแม้ว่าสติปัฏฐานจะไม่เกิด ในชีวิตประจำวันสัมมาอาชีวเจตสิกก็เกิดได้ ในขณะที่มีการวิรัติงดเว้น การที่จะประกอบอาชีพหรือจะเลี้ยงชีพในทางที่ทุจริต หรือในทางที่ล่วงอกุศลกรรมบถ เช่นมีการวิรัติงดเว้นการที่จะไม่ฆ่าสัตว์เพื่อที่จะประกอบอาชีพ หรือว่าอาชีพที่ไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ซึ่งจะล่วงอกุศลกรรมบถข้อต่างๆ

    แต่สำหรับสติปัฏฐานแล้ว สัมมาอาชีวะละเอียดยิ่งกว่านั้น เพราะว่าระดับของสัมมาอาชีวเจตสิก ก็มีหลายระดับตั้งแต่ระดับต้นๆ ดังได้เรียนแล้ว ว่าในชีวิตประจำวันก็มี อย่างเช่น คนมาชวนไปให้ทำบ่อเลี้ยงปลา เราก็คงไม่เอา ขณะนั้นก็อาจจะมีการงดเว้นจากอาชีพที่ไม่เหมาะควร ล่วงอกุศลกรรมบถ

    แต่ในการอบรมเจริญสติปัฏฐานนั้น สัมมาอาชีวะเป็นองค์มรรคองค์หนึ่ง ที่จะขัดเกลาการที่จะดำรงชีวิตในทางที่ไม่เหมาะไม่สม ซึ่งก็หมายความรวมตั้งแต่การไม่ก้าวล่วงกับกุศลกรรมบถเพื่อประกอบอาชีพ จนถึงความละเอียดในการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน เช่น แม้ว่าจะไม่ล่วงอกุศลกรรมบถ แต่ก็อาจจะไม่เบียดเบียนผู้อื่น แล้วก็ไม่ทำสิ่งใดที่ไม่เหมาะสมในการดำเนินชีวิต ซึ่งผู้ที่จะมีชีวิตที่บริสุทธิ์หมดจดจริงๆ คือพระอรหันต์ เพราะอรหัตตมรรคจิตนั้นมีสัมมาอาชีวะที่จะดับกิเลส ดับพืชเชื้อของการที่จะดำเนินชีวิตที่ไม่เหมาะสม แม้เพียงเล็กน้อยจะไม่มีเลยสำหรับพระอรหันต์ เพราะท่านจะไม่มีกิเลสอีกแล้ว ซึ่งเจตสิก ทั้ง ๓ ประการ สัมมาวาจาเจตสิก สัมมากัมมันตะ และสัมมาอาชีวะ ก็สามารถเกิดร่วมกับมรรคมีองค์ ๕ ในชีวิตประจำได้บ้าง แล้วแต่โอกาสว่าจะมีสติปัฏฐานนั้นจะประกอบด้วยมรรคมีองค์ ๕ หรือมรรคมีองค์ ๖ แต่จะเกิดพร้อมกันในขณะแห่งมรรคจิต วิรตีเจตสิก ๓ เกิดขึ้น วิรัติงดเว้นในลักษณะต่างๆ กัน สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ คงเข้าใจแล้ว ส่วนสัมมาอาชีวะ ก็แล้วแต่ว่าเป็นสัมมาอาชีวะ ที่เกิดกับมรรคจิต ระดับพระโสดาบัน ท่านก็วิรัติงดเว้นเกี่ยวกับการงานอาชีพต่างๆ ที่จะเนื่องด้วยทุจริตกรรมต่างๆ ที่จะไปในทางอบาย ท่านจะไม่มีแล้ว พระสกทาคามี ท่านก็มีสัมมาอาชีวะ พระอนาคามีในขณะแห่งมรรค อนาคามิมรรค ก็มีสัมมาอาชีวะ ซึ่งก็วิรัตงดเว้นการกระทำที่ไม่เหมาะควรในการดำเนินชีวิต เป็นลำดับขั้นจนถึงอรหัตตมรรค ก็มีสัมมาอาชีวะ ก็มีระดับต่างๆ กัน

    ขณะที่สติปัฏฐานเกิดมีมรรคมีองค์ ๕ ก็ได้ ไม่มีวิรตีเจตสิกเกิดร่วมด้วยก็ได้ แต่ในขณะนั้นก็เป็นอินทรียสังวร ๔ มีการที่สติเกิดขึ้นสังวร ปัญญาก็สังวร วิริยสังวร ก็มีสังวรประการต่างๆ แม้ว่าจะไม่มีวิรตีเจตสิกเกิดขึ้น แต่เป็นการรู้ลักษณะสภาพธรรมตามความเป็นจริง ซึ่งสติปัฏฐานอบรมเจริญขึ้นจนถึงขั้นวิปัสสนาญาณขั้นต่างๆ ขณะที่วิปัสสนาญาณเกิด ก็มีการขัดเกลากิเลสต่างๆ เพียงแต่ว่าลักษณะของการล่วงทุจริตกรรม ก็มีลักษณะต่างกัน บางทีไม่เกี่ยวกับการงานอาชีพ แต่ก็มีการล่วงทุจริตทางวาจา พูดเท็จ พูดส่อเสียด ตามกำลังของอกุศลจิตก็มี อย่างนั้นก็เป็นมิจฉาวาจา หรือ มิจฉากัมมันตะ คือการกระทำที่เบียดเบียนผู้อื่น ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับอาชีพเลยก็มี แต่ที่แตกต่างไป ก็คือการงานอาชีพ เพราะส่วนใหญ่ถ้าไม่เกี่ยวกับอาชีพแล้ว บางคนไม่ฆ่าสัตว์ บางคนไม่พูดโกหก แต่ถ้าเกี่ยวกับอาชีพแล้ว อาจจะล่วงทุจริตทางวาจาหรือทางกาย เพราะว่าต้องการที่จะดำเนินชีวิตไปให้เป็นไปได้

    เพราะฉะนั้นความหลากหลายของกิเลสที่สะสมแตกต่างกัน ปัญญาของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ทรงรู้แจ้งแทงตลอดในสภาพธรรมทั้งปวง ว่าสภาพเจตสิกธรรมที่ทำกิจวิรัติงดเว้นมี ๓ คือสัมมาวาจา วิรัติงดเว้นทุจริตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับคำพูด สัมมากัมมันตะ งดเว้นทุจริตกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับการกระทำทางกาย และสัมมาอาชีวะ งดเว้นทุจริตกรรมทั้งทางวาจา และทางกาย ที่เกี่ยวเนื่องกับการงานอาชีพ เพราะชีวิตประจำวันเป็นอย่างนั้นจริงๆ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้นมีมรรคมีองค์ ๕ ก็ได้ หรือมรรคมีองค์ ๖ ก็ได้ เพราะว่าการที่สติปัฏฐานเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมนั้น ไม่จำเป็นต้องมีวิรตีเจตสิกองค์หนึ่งองค์ใดเกิดร่วมด้วยก็ได้ มีเพียงมรรคมีองค์ ๕ ก็ได้ หรือในบางครั้ง แม้วิรตีจะไม่เกิดพร้อมกับมรรคมีองค์ ๕ แต่ในชีวิตประจำวันก็มีเหตุการณ์ สถานการณ์ต่างๆ เช่น ในขณะที่มีการงดเว้นเกี่ยวกับการงานอาชีพขึ้นในชีวิตประจำวัน ปกติสำหรับขณะที่กุศลจิตเกิด แล้วก็มีการงดเว้นที่จะไม่ทำอาชีพที่ไม่เหมาะควร สติปัฏฐานก็อาจจะเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะสภาพธรรมในขณะนั้น สลับกับขณะที่มีสัมมาอาชีวะเกิด ต่างขณะกันก็ได้ หรือสัมมาอาชีวะอาจจะเกิดร่วมกับอริยมรรค มีองค์ ๕ ก็ได้ สติปัฏฐานมีมรรคมีองค์ ๕ ก็มี มรรคมีองค์ ๖ ซึ่งเกิดพร้อมกับสัมมาวาจาก็มี เกิดพร้อมกับสัมมากัมมันตะก็มี เกิดพร้อมกับสัมมาอาชีวะก็มี แต่ว่ามิใช่เป็นเรื่องราว คือเราได้ยินคำว่าสัมมาอาชีวะ เราต้องคิดว่าเป็นอาชีพต้องไปประกอบ ต้องเป็นเรื่องราวทำอะไร แต่จริงๆ การดำรงชีวิตชอบ ไม่ได้หมายความว่าจะต้องคิดเป็นเรื่องเป็นราว ว่าจะต้องเป็นการประกอบอาชีพใด แต่ในขณะที่สภาพธรรมคือสัมมาอาชีวะเกิดพร้อมกับมรรคมีองค์ ๕ ขณะที่สติปัฏฐานเกิด ขณะนั้นวิรัติงดเว้นการดำรงชีวิตที่ไม่ชอบ


    หมายเลข 3992
    13 ส.ค. 2567