ความเป็นปฏิกูลของผม


    ท่านที่เคยศึกษาในเรื่องของธาตุ จะเห็นได้ว่า ในอาการ ๓๒ นี้ เป็นอาการของปฐวีธาตุ ๒๐ เป็นอาการของธาตุน้ำ ๑๒ ไม่มีอาการของธาตุไฟกับธาตุลมเลย ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะทรงแสดงปฐวีธาตุ และอาโปธาตุโดยความเป็นวัตถุภายในกาย วัตถุก็เป็นส่วน เป็นชิ้น แต่ที่ไม่ได้รวมไฟกับลมเพราะลักษณะของไฟกับลมนั้นไม่ปรากฏโดยความเป็นปฏิกูล แต่จะเห็นได้ว่า ธาตุดินกับธาตุน้ำมีลักษณะที่เป็นปฏิกูล แต่ธาตุไฟกับธาตุลมไม่ปรากฏโดยความเป็นปฏิกูล ลักษณะที่เพียงอบอุ่น หรือว่าร้อน ไม่เป็นของปฏิกูล ลักษณะที่ไหวไป เคร่งตึง ก็ไม่ปรากฏโดยความเป็นปฏิกูล

    ลักษณะของผมที่คิดว่าสวยงามน่าพอใจนั้น ถ้าพิจารณาโดยสี เวลาที่อยู่กับร่างกายก็สวยดี แต่ถ้าคิดว่าสีอย่างผมนี้สวย เวลาที่พบลักษณะของสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่มีสีคล้ายผม แม้ในอาหาร จะเป็นพวกเชือกปอหรืออะไรที่มีสีเหมือนผม ก็ยังรังเกียจแล้วหยิบออก

    เพราะฉะนั้น จะกล่าวว่าไม่ปฏิกูลไม่ได้ โดยลักษณะ โดยสี ก็ปฏิกูลเหมือนกัน โดยกลิ่น ถ้าไม่ทำความสะอาด ไม่สระผม ไม่ใส่น้ำมัน หรือน้ำหอม โดยเฉพาะเวลาที่ตกลงไปในไฟ หรือเผาไฟ ก็มีกลิ่นที่น่ารังเกียจ และท่านแสดงไว้ว่า ที่เกิดของผมก็เกิดบนหนังชุ่มที่ห่อหุ้มกะโหลกศีรษะไว้ ข้างหน้าถึงหน้าผาก ข้างหลังถึงท้ายทอย ข้างๆ ถึงข้างหูทั้ง ๒ ข้าง เปิดออกมาดูที่เกิดของผม ก็ปฏิกูลยิ่งนัก อุปมาเหมือนกับผักเกิดที่ป่าช้า และที่ทิ้งขยะมูลฝอยเป็นต้น

    นี่เป็นลักษณะของแต่ละส่วนของร่างกายที่มีความเป็นปฏิกูล แล้วก็ท่านทรงแสดงไว้อย่างละเอียดถึงลักษณะของส่วนต่างๆ ซึ่งถ้าท่านผู้ใดสนใจสามารถอ่าน หรือฟังได้ในอรรถกถาฎีกาต่างๆ ที่เป็นข้อความเกี่ยวกับอาการส่วนต่างๆ ของร่างกาย แต่จะขอกล่าวถึงเพียงบางส่วนบางประการเท่านั้น


    หมายเลข 4132
    2 ส.ค. 2567