ความเป็นปฏิกูลของเล็บ ฟัน หนัง
อย่างเล็บเหมือนเกล็ดปลา กระดูกฟันเหมือนเมล็ดน้ำเต้า
สำหรับหนังที่สำคัญมาก เพราะหนังนั้นหุ้มห่อสิ่งต่างๆ ที่ปฏิกูล ถ้าเอาหนังออกเสียแล้วความเป็นปฏิกูลของร่างกายหรือว่าส่วนต่างๆ ก็จะปรากฏชัดมาก แต่เพราะเหตุว่าหนังนั้นหุ้มห่อปกปิดไว้มิดชิด ไม่ให้เห็นความเป็นปฏิกูล ก็ควรที่จะได้พิจารณาหนังด้วยว่า ความเป็นปฏิกูลของหนังนั้นเป็นอย่างไร โดยสภาพของหนังเอง ความจริงเป็นสีขาว แต่หุ้มห่อเนื้อปกปิดไว้ ก็ทำให้ดูเป็นสีดำบ้างสีเหลืองบ้าง และสัณฐานรูปร่างลักษณะของหนังที่หุ้มห่อส่วนต่างๆ ของร่างกายไว้นั้นก็มีต่างๆ กัน เช่น หนังนิ้วเท้า ก็มีสัณฐานเหมือนรังตัวไหม หนังหลังเท้ามีสัณฐานเหมือนรองเท้าหุ้มส้น หนังแข้งมีสัณฐานเหมือนใบตาลห่อข้าวสวย หนังขามีสัณฐานเหมือนถุงยาวอันเต็มไปด้วยข้าวสาร หนังสะโพกมีสัณฐานเหมือนผ้ากรองน้ำอันเต็มไปด้วยน้ำ หนังหลังมีสัณฐานเหมือนหนังหุ้มโล่ หนังท้องมีสัณฐานเหมือนหนังหุ้มรางพิณ หนังอกโดยมากมีสัณฐานสี่เหลี่ยม หนังแขนทั้งสองข้างมีสัณฐานเหมือนหนังหุ้มแร่งธนู หนังหน้าก็ปรุเป็นช่องเล็กช่องน้อย มีสัณฐานเหมือนรังตั๊กแตน
นี่เป็นส่วนต่างๆ ถ้าดูอย่างนี้จริงๆ ก็คงจะไม่สวยไม่งามเลย แต่ไม่ได้แยกพิจารณาเป็นส่วนๆ ท่านให้พิจารณาโดยการดึงหรือลอกออกตั้งแต่ริมฝีปากเบื้องบน ไปตลอดทั้งตัว ก็จะเห็นความเป็นปฏิกูลที่มีซ่อนอยู่ใต้ผิวหนังนั้น
สำหรับความเป็นปฏิกูลของร่างกาย จะเป็นการเจริญสมถภาวนาก็ได้ เป็นการเจริญสติปัฏฐานก็ได้ เพราะเหตุว่าการเจริญสมถภาวนานั้นจะต้องท่องด้วยปาก จนกระทั่งแม่นยำ แล้วก็จำลักษณะด้วยใจ จนกว่าจะชัดเจนทั้ง ๓๒ อาการ แล้วลักษณะใดที่เด่นชัด ก็ยึดลักษณะนั้นเป็นกัมมัฏฐานที่ทำให้ถึงขั้นอัปปนาสมาธิ เป็นปฐมฌาน แต่ไม่ได้รู้ลักษณะโดยสภาพความเป็นธาตุที่ไม่ใช่ตัวตน