สัปปายสัมปชัญญะ


    และสัปปายสัมปชัญญะ ก็ลองคิดดูว่าในเรื่องของธรรม เราฟังธรรมอะไรแล้วเข้าใจได้ แต่ว่าฟังธรรมอะไรแล้วก็ไม่เข้าใจ เป็นเรื่องที่ยังไกลหรือว่ายังไม่สามารถที่จะถึงความเข้าใจของพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าหรือพระอรหันต์ทั้งหลาย ที่ท่านได้แสดงธรรมตามที่พระผู้มีพระภาคได้ทรงแสดง โดยนัยยะหลากหลาย

    เพราะฉะนั้นสำหรับเรามีปัญญาระดับไหน แล้วก็จะเข้าใจสภาพธรรมจากการฟัง และค่อยๆ ไตร่ตรองจนกระทั่งทำให้เราสามารถเข้าใจในความเป็นอนัตตายิ่งขึ้น อันนั้นก็เป็นสิ่งที่สบาย แก่การที่ปัญญาจะรู้ลักษณะของสภาพธรรม แต่ที่แสดงไว้ไม่ได้แสดงแต่ในเรื่องของธรรมสัปปายะหรือเฉพาะเรื่องนี้ แต่ทุกอย่างในชีวิตของเรา วันนี้ทุกคนนั่งตรงนี้เพราะบางคนบอกว่าตรงนี้เย็นดี คนที่ไม่ชอบหนาวก็จะหลบพัดลม เพราะเหตุว่าถ้าถูกพัดลมแล้วก็จะไม่สบาย เพราะฉะนั้นการที่เรารู้ความจริงว่าอะไรสะดวกสบายต่อการที่จะทำให้เราสามารถที่จะอบรมเจริญปัญญายิ่งขึ้น ขณะนั้นก็เป็นสัปปายสัมปชัญญะ

    ก็ละเอียดไปเรื่อยๆ แต่ที่จริงแล้วก็คือว่า เมื่อขณะใดที่มีการระลึกรู้ลักษณะของสภาพธรรม ขณะนั้นไม่ต้องห่วงกังวลเลย เพราะจริงๆ แล้วท่านพระสารีบุตรท่านก็ได้แสดงสัปปายสูตร ว่าสิ่งที่เป็นสัปปายะจริงๆ ก็คือสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับ จะไปหาอะไรที่ไหนมาเป็นสัปปายะอีกไม่มีเลย นอกจากสภาพธรรมขณะนี้ที่กำลังเกิดดับนั่นเอง เป็นสิ่งที่ทำให้สามารถที่สติสัมปชัญญะจะรู้ความจริงได้ นี่ก็เป็นสัปปายสัมปชัญญะ

    ก็ไม่ต้องคิดมากเลยถ้าใครเกิดนั่งตรงนั้นร้อน และสติสัมปชัญญะเกิดไม่ต้องห่วงว่านี่จะเป็นสัปปายสัมปชัญญะหรือเปล่าเรานั่งตรงนี้ แต่เมื่อสติปัฎฐานเกิดแล้วก็แสดงว่า พ้นจากการที่จะต้องไปคำนึงถึง เพราะว่าสิ่งที่ได้ยินได้ฟังก็เป็นสัปปายะที่จะทำให้มีการรู้ลักษณะของสภาพธรรมนั้นได้


    หมายเลข 4153
    1 ส.ค. 2567