ชี้แจงวัยรุ่นอย่างไรว่าเป็นมิจฉาสมาธิ


    ผู้ฟัง เนื่องจากได้เคยสนทนากับบางคน พูดถึงคนหนุ่มสาวในปัจจุบันว่า น่าจะมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยว หรือบังคับจิตใจไม่ให้ฟุ้งซ่าน เพราะผลของการที่คนหนุ่มสาวไปยึดถือสิ่งที่เป็นความสนุกเพลิดเพลิน เช่นสถานเริงรมย์ต่างๆ ก็นำมาซึ่งความเสียหาย และเดือดร้อน เมื่อพูดถึงเรื่องการปฏิบัติ ไม่ว่าจะเป็นมิจฉาสมาธิหรือสัมมาสมาธิ เขาก็บอกว่า ดีกว่าปล่อยให้คนหนุ่มสาวไปใช้ชีวิตในทางที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตัวเอง และครอบครัว เพราะฉะนั้น ก็สนับสนุนให้ไปนั่งสมาธิตามวัด หรือสถานที่ต่างๆ ท่านอาจารย์มีความเห็นอย่างไรในเรื่องนี้

    ท่านอาจารย์ ถ้าใช้คำว่า “สมาธิ” ไม่ผิด และบอกเขาให้รู้ด้วยว่า นี่ไม่ใช่สัมมาสมาธิ ก็ไม่ผิด คือให้ความจริง ให้ความถูกต้อง ไม่ใช่สิ่งที่ไม่ใช่สัมมาสมาธิ ก็บอกว่าสัมมาสมาธิ แต่บอกว่า นี่คือสมาธิ มีผลอย่างนี้ แต่ไม่ใช่สัมมาสมาธิ ไม่ใช่หนทางปฏิบัติที่ทำให้รู้แจ้งสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ

    ผู้ฟัง แต่ความเห็นของท่านนั้นก็ไม่ได้หวังให้มีปัญญารู้แจ้ง เป็นแต่เพียงดีกว่าปล่อยให้ไปใช้ชีวิตในทางเสียหาย เพราะฉะนั้น ไม่ต้องกล่าวว่า เป็นกุศลหรือเป็นอกุศล แต่อย่างน้อยๆ ก็เป็นสิ่งที่ดีงาม จึงได้ชักชวนกันให้ไปปฏิบัติธรรมในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา มักจะเชิญชวน และมีภาพปรากฏมา ซึ่งถ้าจะพูดกันถึงประโยชน์ ในความเข้าใจของกระผมคงเป็นเรื่องละเอียดมากกว่าไปบอกว่า ควรหรือไม่ควรไปปฏิบัติ

    ท่านอาจารย์ ก็บอกเขาตามความเป็นจริงว่า ไปทำสมาธิ และสมาธิไม่ใช่หนทางที่จะทำให้รู้แจ้งลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ เพราะว่าการไปโรงเรียนก็มีหลายวิชา แต่นี่ไม่ได้ไปโรงเรียน แต่ไปทำสมาธิ

    ผู้ฟัง ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นเรื่องเสียหายอะไร ใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ ให้เขาเข้าใจถูกว่า นี่คือสมาธิ และไม่ใช่สัมมาสมาธิ ไม่ใช่มรรคมีองค์ ๘ ถ้าไม่ประกอบด้วยปัญญาแล้วไม่ใช่สัมมาสมาธิแน่นอน มิจฉาสมาธิไม่ใช่มีเฉพาะประเทศไทย ทุกประเทศมี แล้วบางประเทศก็บอกว่า เป็นหนทางรู้แจ้งนิพพาน อย่างเมื่อเร็วๆ นี้ก็มี ที่ปิดป้ายประกาศ แล้วก็มีคนตื่นเต้น เพราะฉะนั้น ไม่มีเครื่องวัด แต่ศึกษาพระธรรมแล้วสามารถชี้แจงได้ว่า เป็นมิจฉาสมาธิ เพราะอะไร ไม่ใช่กล่าวเฉยๆ ว่าเป็นมิจฉาสมาธิ แต่ต้องมีเหตุผลด้วย


    หมายเลข 4309
    27 ก.ค. 2567