พระปูติคัสสติสสเถระ
ท่านพระปูติคัสสติสสเถระซึ่งเป็นโรคฝีทั่วตัว จนกระทั่งร่างกายเน่า และจีวรเปื้อนด้วยเลือด และน้ำหนอง เมื่อภิกษุทั้งหลายทอดทิ้งท่าน พระผู้มีพระภาคทรงทราบก็เสด็จไปอนุเคราะห์ ซึ่งเมื่อภิกษุทั้งหลายเห็นพระผู้มีพระภาคเสด็จไป ก็ได้ช่วยพระผู้มีพระภาคพยาบาลท่านพระปูติคัสสติสสเถระ โดยให้ท่านสรงน้ำร้อน และช่วยกันเปลี่ยนจีวรให้สะอาดกาย สบายใจ ตามรับสั่งของพระผู้มีพระภาค เมื่อท่านพระปูติคัสสติสสเถระพร้อมที่จะได้ฟังพระธรรม พระผู้มีพระภาคก็ทรงแสดงธรรม เมื่อจบพระธรรมเทศนาท่านก็บรรลุเป็นพระอรหันต์ และปรินิพพาน
เพราะฉะนั้นท่านผู้ฟังก็ควรจะระลึกถึงการไม่กระทำอกุศลกรรมใดๆ เลยทั้งสิ้น เพราะเหตุว่าอกุศลกรรมที่ได้กระทำไว้แล้วในอดีตอนันตชาติ ก็ยังพร้อมที่จะให้ผลได้ เมื่อถึงกาลที่จะให้ผลนั้นๆ เกิด
ซึ่งพระผู้มีพระภาคก็ได้ทรงแสดงอดีตชาติของท่านพระปูติคัสสติสสเถระว่า
ในครั้งศาสนาของพระผู้มีพระภาคทรงพระนามว่า กัสสปะนั้น ท่านพระปูติคัสสติสสเถระเกิดเป็นพรานนก ฆ่านกขาย นกที่เหลือขายนั้นก็หักกระดูกขา และกระดูกปีก ทิ้งไว้เป็นกองๆ ไม่ให้บินไปได้ เพราะถ้าจะฆ่าให้ตาย นกพวกนั้นก็จะเน่าเสีย
ตอนเช้าก็เอานกที่หักปีกหักขาเหล่านั้นไปเที่ยวขายอีก เหลือจากนั้นก็ทำอาหารบริโภคตามต้องการ
วันหนึ่งเมื่อพรานนกนั้นทำอาหารเสร็จแล้ว พระอรหันต์องค์หนึ่งได้เที่ยวบิณฑบาตไปถึงบ้านของนายพรานนก นายพรานนกเกิดความเลื่อมใสจึงได้ถวายอาหารบิณฑบาต และตั้งความปรารถนาที่จะบรรลุธรรม ซึ่งในชาติสุดท้ายท่านก็บรรลุธรรม แต่ว่าอดีตอกุศลกรรมที่ได้ทำไว้ ก็ทำให้ท่านเป็นโรคฝีทั่วตัวจนร่างกายเน่า
และสำหรับการสงเคราะห์อนุเคราะห์ภิกษุสงฆ์นั้น พระผู้มีพระภาคก็ไม่ได้ทรง สงเคราะห์โดยทรงแสดงธรรมเท่านั้น พระผู้มีพระภาคยังทรงอนุเคราะห์ภิกษุผู้ป่วยไข้ที่ขาดผู้ดูแลพยาบาล และแม้ในกิจเล็กๆ น้อยๆ ของภิกษุสงฆ์ เช่น ในสังยุตตนิกาย สคาถวรรค อรรถกถาอนุรุทธสูตร ขณะที่พระเถระ ๓ รูป คือ ท่านพระสารีบุตร ท่านพระมหาโมคคัลลานะ และท่านพระอนุรุทธะช่วยกันทำจีวรของท่านพระอนุรุทธะนั้น แม้พระผู้มีพระภาคเองก็ทรงร้อยเข็มประทานให้
เพราะฉะนั้นผู้ที่ศึกษาธรรม แล้วก็พิจารณาโดยละเอียด ย่อมเห็นประโยชน์ของการไม่ละโอกาสแม้เพียงเล็กๆ น้อยๆ ที่จะกระทำกุศล