สหชาตปัจจัยหมวดที่ ๓ ปฏิสนธิจิตและรูป
หมวดที่ ๓ ของสหชาตปัจจัยคือ ปฏิสนธิจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ซึ่งภาษาบาลีใช้คำว่า“ปัญจโวการปฏิสนธิจิตและเจตสิก” เป็นสหชาตปัจจัยแก่ปฏิสนธิหทยวัตถุ เพราะเหตุว่าในภูมิที่มีขันธ์ ๕ จิตจะเกิดโดยไม่อาศัยรูปไม่ได้
เพราะฉะนั้นทันทีที่ปฏิสนธิจิตเกิดขึ้นในอุปาขณะ ในขณะนั้นเกิดพร้อมกับปฏิสนธิหทยวัถตุปฏิสนธิหทยวัตถุไม่ได้เกิดก่อนปฏิสนธิจิตและไม่ได้เกิดหลังปฏิสนธิจิตต้องเกิดพร้อมกับอุปาทขณะของปฏิสนธิจิตนั่นเอง ซึ่งหลังจากปฏิสนธิกาลแล้วรูปทุกรูปไม่สามารถจะเป็นปัจจัยในอุปาทขณะของรูป ไม่ว่าจะโดยเป็นทวาร หรือโดยเป็นวัตถุ หรือโดยเป็นอารมณ์
เพราะฉะนั้นท่านผู้ฟังต้องสังเกตความละเอียดของหมวดนี้ที่ว่า ปฏิสนธิจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ เป็นสหชาตปัจจัยแก่ปฏิสนธิหทยวัตถุซึ่งปฏิสนธิหทยวัตถุนี้เป็นกัมมชรูป เป็นรูปซึ่งเกิดเพราะกรรม ถึงแม้ว่าจิตไม่เกิด กัมมชรูปก็เกิดได้ เช่น ในอสัญญสัตตาพรหมภูมิ ซึ่งเป็นรูปพรหมภูมิซึ่งมีแต่รูปปฏิสนธิ ไม่มีนามปฏิสนธิ คือ ไม่มีจิตและเจตสิกเกิดในรูปพรหมภูมินั้นเลย
หรือในขณะที่เป็นนิโรธสมาบัติ ขณะนั้นพระอรหันต์หรือพระอนาคามีที่ถึงเนวสัญญานาสัญญายตนฌานสามารถที่จะดับจิตและเจตสิกได้แต่รูปอื่นซึ่งไม่ใช่จิตตชรูปคือ รูปซึ่งไม่ได้เกิดเพราะจิตเป็นสมุฏฐานยังเกิดได้ เช่น กัมมชรูป ถึงแม้ว่าจะเป็นรูปที่เกิดเพราะกรรมก็จริง แต่ขณะแรกที่จะเกิดในชาติหนึ่งภพหนึ่ง ต้องมีปฏิสนธิจิตเป็นสหชาตปัจจัย
เพราะฉะนั้นในหมวดที่ ๓ ของสหชาตปัจจัย คือ ปฏิสนธิจิตในภูมิที่มีขันธ์ ๕ ปัญจโวการปฏิสนธิจิตเป็นสหชาตปัจจัยแก่ปฏิสนธิหทยวัตถุ และปฏิสนธิหทยวัตถุก็เป็นสหชาตปัจจัยแก่ ปฏิสนธิจิต
เพราะฉะนั้นหมวดนี้จึงเป็นทั้งสหชาตปัจจัยและอัญญมัญญปัจจัย
ก็เป็นเรื่องธรรมดาจริง ๆ ของนามธรรมและรูปธรรมเท่านั้น ตั้งแต่ปฏิสนธิขณะ