ทุกขอริยสัตย์มีลักษณะอย่างไร
โดยมากเราจะรู้ทุกข์ต่อเมื่อเราประสบกับสิ่งที่เราไม่ชอบ หรือไม่พอใจทั้งหมดเลย เป็นต้นว่าความรู้สึกที่ไม่สบาย ขณะนั้นก็เป็นความเข้าใจที่เป็นทุกข์ หรือว่าร่างกายเวลาปวดเมื่อย เป็นไข้ เจ็บ เราก็บอกว่าเป็นทุกข์ เรารู้จักแต่ทุกข์ทั่วๆ ไปอย่างนี้ แต่ถ้าเป็นทุกขอริยสัจแล้วหมายความว่า สภาพธรรมที่เกิดดับ ทุกอย่างที่เกิดแล้วดับเป็นทุกข์ทั้งนั้น
เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นสุขเวทนา ก็เป็นทุกข์ เพราะเหตุว่าสุขเวทนาก็ดับ และถ้าประจักษ์การเกิดขึ้นแล้วดับไปของสุขเวทนาจริงๆ จะรู้เลยว่า ชั่วเวลาที่แสนสั้น และนิดเดียวก็หมดไป อย่างนั้นหรือที่เรียกว่าถาวรหรือเป็นสุขจริงๆ การเกิดดับปรากฏว่า เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง ต้องเป็นอย่างนั้น เพราะฉะนั้น แม้สุขก็คือทุกข์ เพราะเหตุว่าเกิดดับเหมือนกัน ธรรมทั้งหมดที่เกิดขึ้น ที่เป็นสังขารธรรมมีไตรลักษณะ คือ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา สภาพที่ไม่เที่ยงนั้นเองเป็นทุกข์ และเป็นอนัตตา เพราะเหตุว่าบังคับบัญชาไม่ได้ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่มีอะไรเลยที่เที่ยง หมดทุกอย่าง ที่เกิดแล้วจะไม่ดับไม่มี แต่ไม่รู้ เพราะว่ามีสภาพธรรมอื่นเกิดสืบต่อทันที อย่างในขณะนี้ทางตาที่เห็น ก็มีจิตอื่นเกิดดับสืบต่อจนกระทั่งเป็นภวังคจิต จนกระทั่งถึงมโนทวารวิถีจิตวาระต่อไป กว่าจะเห็นเป็นคน หรือเป็นวัตถุสิ่งของต่างๆ แต่ว่าแต่ละขณะนั้นเกิดแล้วดับ เพราะฉะนั้น ในขณะนี้เองสภาพธรรมก็กำลังเกิดดับอย่างเร็วมาก ซึ่งจะต้องประจักษ์ ไม่ประจักษ์จะไม่เห็นว่าเป็นทุกข์ แล้วจะรู้สึกเพียงทุกขเวทนา แต่ไม่รู้จักทุกขลักษณะ แต่ทั้งๆ ที่ประจักษ์การเกิดขึ้น และดับไป ตราบใดที่ยังไม่ถึงมรรคจิต ผลจิต ก็ยังไม่สามารถรู้แจ้งพระนิพพาน และไม่สามารถดับกิเลสใดๆ ได้ ทั้งๆ ที่เกิดดับ ก็เกิดอีก เวลานี้ทุกคนก็ยอมรับ ก็เบิกบาน ได้ยินก็ดับ ทุกคนก็เบิกบาน ไม่มีใครเห็นว่าเป็นทุกข์จริงๆ เพราะอย่างอื่นเกิดต่อ ก็เลยไม่เดือดร้อนกับสิ่งที่จริงๆ เกิดแล้วดับแล้ว