ปัญญาไม่ยึดถือสภาพธรรมว่ามีสัตว์ บุคคล ตัวตน


    ผู้ฟัง ตามธรรมดาเรามีสติรู้กาย รู้เวทนา รู้จิต รู้ธรรม ถึงจะมีไม่ตลอด มีบ้างเล็กๆ น้อยๆ ก็ยังไม่ถึงขั้น ที่จะนั่น จะต้อง คือปัญญา ที่ต้องนั่นจริงๆ จะต้องไม่ยึดถือ สิ่งเหล่านี้ว่าเป็นตัวตน บุคคล เราเขา ต้องมีปัญญอย่างนั้น ใช่ไหมครับ

    ท่านอาจารย์ ไม่ยึดเฉยๆ เอาเองอย่างนั้นไม่ได้ ต้องเกิดปัญญาที่รู้ชัดในลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏ ตามปกติตามความเป็นจริงยิ่งขึ้นจนกว่าจะดับความความยึดถือ หรือเห็นผิดในสภาพธรรม ว่าเป็นคัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคลได้

    ผู้ฟัง เท่าที่ฟังอาจารย์ บอก การเจริญวิปัสสนา ก็ให้รู้สภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ไม่ใช่สัตว์ บุคคล ไม่ใช่ตัวตน อยากจะให้ท่านอาจารย์ขยายความว่าธรรมเป็นอย่างไรครับ

    ท่านอาจารย์ กำลังลืมตา สภาพธรรม ปรากฏแล้ว หลับตาลง สภาพธรรม ที่ปรากฏทางตาในขณะที่ลืมตา ไม่ปรากฏแล้ว นี้คือความจริง หรือไม่จริงคะ เพราะฉะนั้น จึงศึกษา รู้ลักษณะของธรรมที่ปรากฏ ตามความเป็นจริงของสภาพธรรมนั้นๆ ว่าถ้าเป็นสิ่งที่ปรากฏทางตา ก็หาใช่สัตว์ บุคคล ตัวตน วัตถุสิ่งของ สิ่ง ๑ สิ่งใดไม่ ตามความเป็นจริง ก็เป็นแต่เพียงสิ่งที่ปรากฏ ทางตา เท่านั้นเอง ยากเหลือเกิน ที่จะไถ่ถอน สละคืน ความเห็นผิด ในสิ่งที่ปรากฏทางตา ว่าเป็นบุคคลนั้น บุคคลนี้ สิ่งนั้น สิ่งนี้ออกได้ แต่ให้น้อมระลึกถึงความจริงอยู่เสมอว่า สิ่งที่ปรากฏทางตาเป็นเพียงสิ่งที่ปรากฏทางตา เท่านั้น หลับตา แล้วความจริงคือไม่มีสิ่งที่ปรากฏทางตา ปรากฏอีก ทางหูทางจมูกทางลิ้นทางกายโดยนัยเดียวกัน


    หมายเลข 4451
    3 ส.ค. 2567