โลกคือทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดดับ
ถ้าขณะที่ความเข้าใจเกิดขึ้น แม้แต่ฟังเรื่องโลก แล้วรู้ว่าโลกที่เราเคยเข้าใจว่ากว้างใหญ่ แท้ที่จริงแล้วก็เป็นผงละเอียดๆ ซึ่งเกิดดับ แต่ว่าเกิดรวมกันติดกันเป็นก้อนใหญ่ จนกระทั่งทำให้เราเรียกสิ่งนั้นว่าโลก แต่ความจริงโลกทุกขณะจิตนี้ก็แตกย่อย และโลกไม่ใช่มีแต่โอกาสโลกคือโลกซึ่งเป็นที่อยู่อาศัย แต่โลกยังมีความหมายที่ว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้น และดับไปเป็นโลกทั้งหมด
เพราะฉะนั้นกำลังเห็นในขณะนี้ก็เป็นโลก กำลังได้ยินในขณะนี้ก็เป็นโลก กำลังคิดนึกในขณะนี้ก็เป็นโลก และถ้าไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ก็ไม่มีโลกใดๆ ทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นย่อโลกใหญ่แยกมาเป็นโลกเล็กๆ แต่ละใบ คือโลกของแต่ละคนจริงๆ นี่คือความหมายของโลก
เพราะเหตุว่าเราคิดว่าโลกนี้มีคนมากมาย แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้วก็คือ เห็นนี่มีแน่ๆ ใช่ไหม ขณะนี้เป็นโลกหนึ่ง หลังจากเห็นแล้ว ยังมีความคิดในสิ่งที่เห็นอีก นั่นก็เป็นโลกทางใจ เพราะเหตุว่าที่เห็นแล้วจะห้ามไม่ให้คิดถึงสิ่งที่เห็นเป็นไปไม่ได้ แต่เราไม่รู้ตัวว่าแท้ที่จริงแล้ว ทันทีที่เห็น เรามีความคิด โลกของความคิดเกิดต่อทันที
เพราะฉะนั้นการฟังธรรม ต้องขอเรียนให้ทราบว่า มีโอกาสฟังเมื่อไหร่ฟังเมื่อนั้น มีโอกาสอ่านเมื่อไหร่อ่านเมื่อนั้น แล้วเราจะมีความเข้าใจว่ามีอีกมากมายเหลือเกิน ที่เราจะต้องค่อยๆ รู้ค่อยๆ เข้าใจขึ้น แม้แต่เพียงนิดหน่อย แต่ว่าเข้าใจถูก ดีกว่าเราฟังมากแต่ว่าเราเข้าใจผิดๆ หรือว่าไม่เข้าใจจริงๆ เลย
เพราะฉะนั้นสักคำหนึ่งที่เข้าใจ ต้องมานั่งคิดว่าโลกจริงๆ ก็คือเดี๋ยวนี้ ขณะนี้นี่คือโลก โลกของแต่ละคน ก็คือ เห็นขณะใดก็เป็นโลกขณะนั้น ได้ยินขณะใดก็เป็นโลกขณะนั้น
เพราะฉะนั้นจริงๆ แล้ว ทุกคนอยู่คนเดียวในโลก กับความคิดนึกของเราเอง ของโลกใบนี้เอง แล้วแต่โลกใบนี้จะคิดนึกเรื่องอะไร มากไหมคะ เป็นของจริงที่ลึกลับนะคะ คือเรามองเห็นโลก เห็นคนนั้นเห็นคนนี้ เห็นเป็นตัวตน เห็นวัตถุ เห็นเป็นสิ่งต่างๆ อยู่ตลอดเวลา
แต่ว่าตามความเป็นจริงแล้ว ลึกลงไปกว่านั้น สำหรับผู้ที่ตรัสรู้ความจริง สามารถที่จะแตก และแยกสภาพธรรมออกเป็นแต่ละส่วน โดยละเอียดจนกระทั่งหาความเป็นตัวตน เป็นสัตว์บุคคลไม่ได้เลย แยกสภาพธรรมแต่ละอย่างออก เป็นแต่ละลักษณะแต่ละทาง การที่จะหมดกิเลสได้ ไม่ใช่ไปทำสมาธิ แล้วไม่รู้อะไร แต่มีความเข้าใจในสิ่งที่กำลังปรากฎเพิ่มขึ้น จนกระทั่งสามารถประจักษ์แจ้งความจริงของสิ่งที่เป็นจริงในขณะนี้ คือกำลังเกิดขึ้น และดับไป
ฟังดูยังเหมือนกับเป็นความคิดนึก ใช่ไหม เรื่องการเกิดดับ เรื่องโลกเรื่องต่างๆ แต่ว่าสภาพธรรมจริงๆ เป็นอย่างนั้น จนกว่าเมื่อไรจะไม่ใช่เป็นเพียงความคิดนึก แต่เป็นการประจักษ์จริงๆ ก็จะรู้ว่า นี่คือพระปัญญาคุณ