พระผู้มีพระภาคทรงแสดงภัยของวัฏฏะ
ท่านอาจารย์ ข้อความในขุททกนิกาย อุทาน สักการสูตร พระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรมแก่ภิกษุให้เห็นภัยของวัฏฏะ ซึ่งที่จะได้ประสบกับสิ่งที่น่าพอใจ เท่านั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะเหตุว่าทุกท่านได้กระทำมาแล้วทั้ง กุศลกรรม และอกุศลกรรม เพราะฉะนั้นก็แล้วแต่ว่าขณะไหนกรรมใดจะให้ผล ถ้าเป็นผลของกุศลกรรม ไม่ว่าจะเป็น ทางตา ทางหู ทางจมูก ทางลิ้น ทางกาย ก็ได้รับกระทบอารมณ์ที่น่ายินดีน่าพอใจ แต่เวลาที่เป็นผลของอกุศลกรรม ก็ย่อมจะได้รับอารมณ์ทางตาบ้าง หูบ้าง จมูกบ้าง ลิ้นบ้าง กายบ้าง ที่ไม่น่าพอใจ แต่ให้ทราบว่าขณะใดที่ได้ฟังวาจาที่เป็นผรุสวาจา ขณะนั้นให้ทราบว่า เป็นเพียงผลของอกุศลกรรมทางวาจาอย่างเบาที่สุด ถ้าเป็นอย่างหนักแล้วละก็ทำให้เกิดในนรก หลายท่านทีเดียวซึ่งก็ได้รับผลของกรรม เกิดในนรกเป็นเวลานาน เมื่อยังมีเศษกรรมเหลืออยู่ เมื่อผลของกุศลกรรมทำให้เกิดในสุคติภูมิเป็นมนุษย์ ก็ยังมีปัจจัยที่จะทำให้ได้ยินได้ฟังผรุสวาจา ซึ่งก็เป็นผลของอกุศลกรรมอย่างเบาที่สุด
ข้อความในขุททกนิกาย อุทาน สักการสูตร มีข้อความว่า ข้าพเจ้าได้สดับมาแล้วอย่างนี้ สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน อารามของท่านอนาถบิณฑิกเศรษฐีใกล้พระนครสาวัตถี ก็สมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคเป็นผู้อันมหาชนสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ยำเกรง ทรงได้จีวรบิณฑบาตเสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แม้ภิกษุสงฆ์ก็เป็นผู้อันมหาชนสักการะ เคารพนับถือ บูชา ยำเกรง ได้จีวรบิณฑบาตเสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ส่วนพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก เป็นผู้อันมหาชนไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา ไม่ยำเกรง ไม่ได้จีวรบิณฑบาตเสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ครั้งนั้นแล พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก อดกลั้นสักการะของพระผู้มีพระภาค และของภิกษุสงฆ์ไม่ได้ เห็นภิกษุทั้งหลาย ในบ้าน และในป่า แล้วย่อมด่าบริภาษ เกรี้ยวกราด เบียดเบียน ด้วยวาจาหยาบคาย ไม่ใช่ของสัตบุรุษ ครั้งนั้นแล ภิกษุมากด้วยกันเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายบังคมแล้วนั่งณที่ควรส่วนข้างหนึ่ง ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ บัดนี้พระผู้มีพระภาคเป็นผู้อันมหาชน สักการะ เคารพ นับถือ บูชา ยำเกรง ทรงได้จีวรบิณฑบาตเสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร แม้ภิกษุสงฆ์ ก็เป็นผู้อันมหาชนสักการะ เคารพนับถือ ยำเกรง บูชา ได้จีวรบิณฑบาตเสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ส่วนพวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชก เป็นผู้อันมหาชนไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา ไม่ยำเกรง ไม่ได้จีวรบิณฑบาตเสนาสนะ และคิลานปัจจัยเภสัชบริขาร ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกอัญญเดียรถีย์ปริพาชกเหล่านั้น อดกลั้นสักการะของพระผู้มีพระภาค และของภิกษุสงฆ์ไม่ได้ เห็นภิกษุสงฆ์ ในบ้าน และในป่าแล้ว ย่อมด่าบริภาษเกรี้ยวกราดเบียดเบียนด้วยวาจาหยาบคาย ไม่ใช่ของสัตบุรุษ
ลำดับนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงทราบเนื้อความนี้แล้ว ได้ทรงเปล่งอุทานนี้ในเวลานั้นว่า ท่านทั้งหลาย ผู้อันสุข และทุกข์ ถูกต้องแล้ว ในบ้าน ในป่า ไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากตน ไม่ตั้งสุข และทุกข์นั้นจากผู้อื่น ผัสสะทั้งหลายย่อมถูกต้อง เพราะอาศัยอุปธิ ผัสสะทั้งหลายพึงถูกต้องนิพพานอันไม่มีอุปธิเพราะเหตุไร
ท่านผู้ฟังจะเห็นกิเลสที่ทำให้เกิดผรุสวาจาได้ ความริษยา ความปรารถนาในสักการะ ในลาภ ในการเคารพนับถือบูชาของบุคคลอื่น ก็เป็นปัจจัยที่จะให้เกิดผรุสวาจาได้ ทำให้เบียดเบียนบุคคลอื่นด้วยวาจา โดยเฉพาะแม้ว่าบุคคลนั้นเป็นผู้ที่ไม่ควรที่จะเบียดเบียน แต่กำลังของกิเลสที่มีในใจ ก็ยังเป็นปัจจัยที่ทำให้สามารถที่จะเบียดเบียนผู้นั้นได้