สัทธาเป็นโสภณสาธารณเจตสิก
โสภณสาธารณเจตสิก ๑๙ โสภณ หมายความว่า ที่เป็นสาธารณะ ต้องเกิดกับจิตที่ดีทั้งหมดเลยจะขาดเจตสิกสัก ๑ ไม่ได้เลย ๑๙ ต้องเกิดทุกครั้งที่จิตฝ่ายดีเกิด ไม่ว่าจะเป็นกุศลจิต หรือกุศลวิบากจิต ซึ่งมีเจตสิกฝ่ายดีเกิดร่วมด้วย ไม่ว่าจะเป็นกิริยาจิตของพระอรหันต์ที่มีเจตสิกฝ่ายดีเกิดร่วมด้วย ก็จะต้องพร้อมทั้ง ๑๙ ก็น่าสนใจ ๑๙ อะไรตั้งมากมาย เยอะแยะเลย ขาดอันไหนก็ไม่ได้ ลองเริ่มอันที่ ๑ ซิคะ ว่า ขณะที่กำลังฟังมีสัทธาเจตสิกด้วยหรือที่ฟัง สัทธาเจตสิกเป็นสภาพที่ผ่องใสจากอกุศล ถ้าเรายังคงอยากจะไปสนุกนะคะ ไปเปิดทีวีดู ไปพักผ่อน ไปปีนเขา ไปอะไรก็ได้ ขณะนั้นไม่ใช่สัทธาแน่นอน แต่เป็นโลภะ
เพราะฉะนั้นลักษณะที่ต่างกันของโลภะ ก็คือติดข้องต้องการ แต่สำหรับสัทธา ไม่มีความติดข้องที่จะไปต้องการอย่างอื่น นอกจากขณะนั้นเป็นสภาพธรรมที่สะอาดหรือใสจากอกุศลใดๆ ที่จะมาฟังธรรม หรือจะหยิบหนังสือธรรมขึ้นมาอ่าน เมื่อวานนี้ก็ได้ไปคนละหลายเล่ม ไม่ทราบว่ามีใครมีสัทธาหยิบขึ้นมาอ่านบ้างหรือยังคะ ขณะนั้นอาจจะไม่รู้ตัว โสภณสาธารณะ ๑๙ เกิด ขณะนั้นลักษณะของสัทธามี ทำไมเราไม่ทำอย่างอื่น แต่มีใจที่ไม่มีโลภะต้องการอย่างอื่น ไม่มีโทสะ ไม่มีความที่จะไม่รู้ต่อไป เพราะฉะนั้นจึงมีสัทธา แม้แต่กิริยาอาการที่เอื้อมไปหยิบ ขณะนั้นจิตก็ต้องปราศจาก โลภะ โทสะ โมหะ นะคะ จึงได้หยิบหนังสือธรรมขึ้นมา ระหว่างที่อ่านทั้งหมด ที่มีความสนใจที่จะพิจารณาข้อความนั้นๆก็เป็นกุศลจิตซึ่งต้องมีสัทธา