พระผู้มีพระภาคทรงบรรทมหรือไม่
บางคนก็จะถามว่า พระผู้มีพระภาคทรงบรรทมหรือไม่ แม้แต่ในเวลากลางวัน ถ้าทรงพระประสงค์ หมายความว่าพระองค์ทรงทราบดีว่า ขณะนั้นสมควรจะกระทำอย่างไร นี่ก็ตอนหนึ่ง อีกตอนหนึ่งคือ พระผู้มีพระภาคทรงแบ่งปัจฉิมยามออกเป็น ๓ ส่วน ทรงให้ส่วนหนึ่งล่วงไปด้วยการจงกรม ชีวิตของแต่ละคนก็อาจจะกระทำสิ่งที่มีประโยชน์ได้ เพราะเหตุว่าตอนกลางวันก็คงจะนั่งมาก ตอนกลางคืนก็เดินบ้าง แต่สำหรับพระผู้มีพระภาคตั้งแต่เช้าจนถึงเกือบตลอดทั้งวันทั้งคืน ทรงบำเพ็ญพุทธกิจซึ่งยากแสนยากที่ใครจะกระทำได้ ตั้งแต่เช้า คิดถึงตอนที่ยังไม่สว่าง แบ่งปัจฉิมยามออกเป็น ๓ ส่วน ทรงให้ส่วนหนึ่งล่วงไปด้วยการจงกรม เพื่อทรงปลดเปลื้องความบอบช้ำแห่งพระวรกาย ซึ่งถูกการนั่งจำเดิมแต่ปุเรภัตบีบคั้น คือก่อนเสวยภัตตาหาร ปุเรภัต หลังเสวยแล้วก็เป็นปัจฉาภัต ในส่วนที่ ๒ พระองค์เสด็จเข้าไปยังพระคันธกุฎี ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ สำเร็จสีหไสยาโดยพระปรัศว์เบื้องขวา คนเราถ้าจะนอน ก็ต้องมีเวลา ซึ่งต่างกัน บางคนอาจจะนอนกลางวันมาก บางคนก็อาจจะนอนกลางคืนมาก แต่ชีวิตที่มีประโยชน์มาก การนอนจะน้อยมาก คือในส่วนที่ ๒ พระองค์เสด็จไปยังพระคันธกุฎี ทรงมีพระสติสัมปชัญญะ สำเร็จสีหไสยาส โดยพระปรัศว์เบื้องขวา ในส่วนที่ ๓ พระองค์เสด็จประทับนั่งตรวจดูสัตว์โลกด้วยพุทธจักขุ เพื่อเห็นบุคคลผู้สร้างบุญญาธิการไว้ โดยคุณมีทาน และศีลเป็นต้น ในสำนักแห่งพระพุทธเจ้าในกาลก่อนทั้งหลาย นี่เป็นกิจในปัจฉิมยาม ต่อจากนั้นก็จะดูว่า มีใครที่จะเสด็จไปโปรด เชน กสิภารทวาชพราหมณ์