ขณะที่เป็นภวังคจิตไม่มีกิเลสเกิดร่วมด้วย
ขณะที่เป็นภวังคจิตไม่มีกิเลสใดๆ เกิดร่วมกับจิตที่กำลังทำภวังคกิจนั้นเลย เพราะไม่เห็น ก็ไม่มีความยินดีพอใจในสิ่งที่ปรากฏทางตา ไม่ได้ยินก็ไม่มีการยินดียินร้ายในเสียง ไม่ได้กลิ่น ไม่ลิ้มรส ไม่รู้สิ่งที่กระทบสัมผัส ไม่คิดนึก
เพราะฉะนั้นถ้าจะหลับอยู่ จะดีไหม เพราะเหตุว่าขณะนั้นไม่เกิดกิเลส คือ ความยินดียินร้าย ท่านที่ตื่นขึ้น และมีการระลึกได้ว่า ขณะใดมีความโลภ ความพอใจในสิ่งหนึ่งสิ่งใดเกิดขึ้น ก็อาจจะคิดว่า ถ้าหลับเสียก็ดี คือ ไม่ต้องมีโลภะเกิดขึ้น หรือเมื่อตื่นแล้วได้ยินเสียงที่ไม่น่าพอใจ เกิดความขุ่นเคือง ในขณะนั้นก็อาจจะเป็นผู้ระลึกได้ว่า หากหลับเสียก็ดี คือ ไม่ต้องได้ยินเสียงที่ไม่น่าพอใจ แต่ว่าการจะหลับหรือการจะตื่น ไม่อยู่ในอำนาจบังคับบัญชาของใครเลย จิตที่หลับ คือ ภวังคจิต ก็เป็นวิบากจิต เป็นจิตที่เกิดขึ้นเพราะกรรมเป็นปัจจัย เวลาที่ตื่น ถ้ามีการเห็น ก็เป็นวิบากจิตที่จะต้องตื่นขึ้นเห็น และสำหรับผู้ที่หลับอยู่ ก็จะยังเป็นผู้มีผลของกรรมหนึ่งกรรมใดเกิดเมื่อตื่นขึ้น เห็นบ้าง ได้ยินบ้าง ซึ่งจะหลีกเลี่ยงการได้รับผลของกรรมไม่ได้เลย ตราบใดที่ยังไม่ปรินิพพาน
เพราะฉะนั้นทุกคนหลับจริง แต่ก็ต้องตื่นขึ้น แล้วมีวิบากจิตที่เกิดขึ้นรับผลของกรรม