ผู้รักษาธุดงค์รู้และเห็นกิเลสในอัธยาศัยของตน


    เพราะฉะนั้นถ้าพิจารณาจริงๆ ก็จะรู้สภาพจิตใจของท่านเองว่า ท่านเป็นผู้มีอัธยาศัยของคฤหัสถ์ หรือท่านเป็นผู้มีอัธยาศัยของบรรพชิต เพราะเหตุว่า ๒ เพศนี้ต่างกันจริงๆ ผู้ที่ยังเป็นคฤหัสถ์ เป็นผู้ที่ยังมีญาติมิตรสหายพี่น้อง มีกิจการงาน มีกิจธุระที่จะต้องเกื้อกูลผูกพันกัน แต่สำหรับผู้ที่เป็นบรรพชิต คือ ผู้ที่สละละทิ้งทุกอย่างซึ่งจะเป็นเครื่องกังวล เพราะฉะนั้นท่านก็จะมีวงศ์ญาติใหม่ คือบรรพชิตด้วยกันเท่านั้น แต่ว่าท่านจะไม่เกี่ยวข้องเยื่อใยในเครือญาติเก่า เพราะว่าถ้ายังเกี่ยวข้องเยื่อใยอยู่ ท่านก็ยังมีความผูกพันในฐานะของคฤหัสถ์ ไม่ใช่เป็นบรรพชิต

    และสำหรับบรรพชิตก็ยังมีท่านที่สะสมมาที่เห็นโทษของการติดข้องของตัวเอง คือไม่ใช่ไปเพ่งเล็งดูคนอื่น แต่ผู้ที่จะขัดเกลากิเลสจริงๆ คือ เป็นผู้เห็นความละเอียดของกิเลสของอัธยาศัยของตนเอง แล้วก็รู้ด้วยว่า การจะกระทำข้อปฏิบัติอย่างหนึ่งอย่างใด แม้แต่ธุดงควัตร ก็เป็นเพราะอัธยาศัยแท้จริง ไม่ใช่เป็นไปเพื่อคำสรรเสริญ หรือคำยกย่อง หรือคำชมเชย หรือเพื่อลาภ เพื่อสักการะ เพราะเหตุว่าถ้าผู้อื่นเห็นว่า เป็นผู้ที่มีการขัดเกลามาก ก็อาจจะสักการะ หรือนำลาภปัจจัยมาให้ต่างๆ แต่ว่าผู้ที่รู้จักตนเองจริงๆ เท่านั้นที่จะรักษาธุดงค์คุณได้ ตามอัธยาศัย


    หมายเลข 4736
    2 ส.ค. 2567