ลักษณะทางกายที่ปรากฏเตือนให้สติระลึกได้
ผู้ฟัง ปฏิกูลมนสิการบรรพแสดงถึงอวัยวะต่างๆ ที่ปรากฏอยู่ในร่างกาย แสดงถึงความไม่สะอาดของอวัยวะเหล่านั้น ทีนี้การพิจารณา หรือเจริญสติปัฏฐานเพื่อจะรู้รูปของอวัยวะเหล่านั้น จะเจริญสติปัฏฐานไปในลักษณะใด จึงจะรู้ว่านี่คือรูป ถ้าจะเจริญในฐานะที่ว่า รูปเหล่านี้ไม่สะอาด กระผมก็รู้สึกว่า จะเป็นเรื่องคิดนึกมากไป ขอความกรุณาอาจารย์ช่วยอธิบายด้วย
ท่านอาจารย์ ถ้าเข้าใจเรื่องมหาสติปัฏฐานว่าปกติธรรมดา ผู้ที่ยังไม่ได้อบรมไม่ได้เจริญสติจนกระทั่งเป็นปกติแล้วก็เป็นผู้ที่หลงลืมสติ นี่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เพราะฉะนั้น ในมหาสติปัฏฐานจะเห็นได้ว่า ในแต่ละบรรพนั้นก็ล้วนแต่เป็นโลก เป็นเครื่องเตือนให้ระลึกเพื่อจะได้รู้ชัดในลักษณะของสิ่งที่สติกำลังระลึกได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน กำลังเห็น กำลังได้ยิน กำลังคิด กำลังนึก กำลังเป็นสุข กำลังเป็นทุกข์ กำลังมีจิตของคนอื่นเป็นอารมณ์ กำลังมีความรู้สึกของคนอื่นเป็นอารมณ์ กำลังมีรูปใดๆ ทั้งสิ้นที่เป็นของจริงที่มีปรากฏให้รู้ได้ ให้สติระลึกเพื่อปัญญาจะได้รู้ชัดตามความเป็นจริง กายมีตลอดเวลาวันนี้ระลึกกี่ครั้ง หรือไม่ได้ระลึกเลย หลงลืมสติ ที่กายมีอะไรบ้าง ผมมีไหม ขน เล็บ ฟัน หนัง มีไหม เล็บต้องตัดไหม วันหนึ่งๆ ต้องเห็นเล็บไหม วันหนึ่งๆ ต้องเห็นหนังไหม วันหนึ่งๆ ต้องเห็นผมไหม แต่ว่าผู้หลงลืมสติก็ไม่เคยระลึกเลยสักนิดเดียว ไม่ว่าจะโดยนัยใดก็ตาม ไม่เคยจะให้กุศลจิตเกิดขึ้นระลึกรู้ลักษณะของสิ่งที่มีจริง ด้วยเหตุนี้ ทุกอย่างที่มีจริงที่เนื่องกับกาย เป็นส่วนของกาย จึงอยู่ในหมวดของกายานุปัสนาสติปัฏฐาน ตั้งแต่ส่วนที่ละเอียดที่สุด คือลมหายใจ เพราะเหตุว่า ถ้าไม่มีลมหายใจจะระลึกรู้ลักษณะของนามของรูปได้ไหม ไม่ได้ ต้องเป็นคนที่สิ้นชีวิตแล้ว ตายแล้ว ความต่างกันของคนที่มีชีวิตกับคนที่ตายแล้วก็คือว่า คนที่มีชีวิตนั้นมีลมหายใจ เรียกว่ากายสังขาร ปรุงแต่งให้กายดำรงอยู่ ไม่ให้เน่าใม่ให้เปื่อยไป เพราะฉะนั้น ลมหายใจก็เป็นส่วนหนึ่งของกายที่ทำให้ระลึกได้ ทั้งๆ ที่มีอยู่ทุกขณะ ระลึกบ้างหรือเปล่าก็ไม่ระลึกอีก เมื่อไม่ระลึกจึงมีไว้ให้ระลึกในมหาสติปัฏฐาน หมวดของกาย เมื่อมีรูปประชุมรวมกัน การนั่ง การนอน การยืน การเดิน มีตลอดเวลา ระลึกได้ ไม่ว่าขณะนั่งก็ระลึกได้ ขณะยืนก็ระลึกได้ ขณะนอนก็ระลึกได้ ขณะเดินก็ระลึกได้ ไม่ใช่ห้ามว่าเดินระลึกไม่ได้ ไม่ใช่ห้ามว่ายืนระลึกไม่ได้ ไม่ใช่ห้ามว่านอนระลึกไม่ได้ ให้ระลึกแต่ขณะที่กำลังนั่งอย่างเดียว ไม่ใช่ ทุกขณะไม่ว่าจะเป็นอิริยาบถใดก็ตาม ขอให้ระลึก เพราะฉะนั้นส่วนต่างๆ ของกายก็เหมือนกัน ทั้งผม ทั้งขน ทั้งเล็บ ทั้งฟัน ทั้งหนัง โลหิต หัวใจ ไต ปอด ทุกอย่างที่มีจริง ขอให้สติระลึกรู้
ขณะที่ระลึกเกิดขึ้น สงบไหม จากโลภะ โทสะ โมหะ เพราะสติเกิดขึ้น เมื่อระลึกแล้วรู้ชัดในลักษณะของสิ่งที่กำลังปรากฏ คือ โลกทางหนึ่งทางใดใน ๖ โลก จึงจะไม่ใช่ตัวตน ความเห็นผิดว่าเป็นตัวตนจึงจะหมดสิ้นไปได้ แต่ว่าสิ่งนั้นก็เป็นของที่มีจริง เป็นสิ่งที่ปฏิกูลเพื่อจะให้จิตสงบ ระลึกได้ และปัญญาก็รู้ชัด