เมตตาอยู่ที่จิตไม่ใช่คำท่องบ่นหรือคำกล่าว
ท่านผู้ฟัง ก็คงจะได้เห็นด้วยตัวของท่านเอง ว่าเมตตานั้นอยู่ที่จิต ไม่ใช่อยู่ที่คำท่องบ่น หรือคำกล่าว เพราะว่าขณะที่ท่านจะกล่าวคำ ที่แสดงถึงเมตตา เช่น ขอให้สัตว์ทั้งหลายจงอย่ามีเวร มีภัย ต่อกันเลย แต่ว่าจิตในขณะนั้น เป็นอย่างไร เป็นอย่างที่ปากว่า หรือเปล่า หรือว่าปากพูดอย่าง ๑ แต่จิตในขณะนั้นที่กล่าวอย่างนั้นไม่ประกอบด้วยเมตตา ตรงกับคำที่กล่าว เวลาที่เห็นสัตว์เล็ก สัตว์น้อย หรือว่าเห็นบุคคล ๑ บุคคลใด แล้วก็เกิดเมตตาจิตในขณะนั้น ขณะนั้นชื่อว่าเป็นการอบรมเจริญภาวนาเมตตาแล้ว เพราะเหตุว่าถ้าท่านไปท่องบ่น แต่ว่าไม่รู้สภาพของจิตในขณะนั้น ว่าไม่ได้ตรงกับคำที่กล่าวเลย ก็เป็นแต่เพียงคำพูดเท่านั้นซึ่งใครๆ ก็พูดได้กล่าวได้ ไม่ว่าเด็กเล็กอย่งไร ก็สามารถที่จะกล่าวตามๆ กันไปได้ แต่ว่าจิตในขณะที่กล่าวนั้น ประกอบด้วยเมตตา หรือไม่ ใครจะทราบ บุคคลอื่นก็ไม่สามารถที่จะทราบได้ นอกจากจิตใจของท่านเอง คำพูดประโยคเดียวกัน นี่คะ ถามไถ่ทุกข์สุข ความเจ็บไข้ได้ป่วย ความเป็นอยู่ของบุคคลอื่น ตัวท่านเองสามารถที่จะสังเกตุพิจารณาจิตของท่านได้ แต่ละครั้งว่าขณะนั้นประกอบด้วยเมตตาหรือว่าไม่ประกอบด้วยเมตตา ไม่ว่าจะเป็นการกระทำทางกาย ทางวาจาก็ตาม สามารถที่จะพิจารณารู้ สภาพของจิตในขณะนั้นได้จริงๆ ว่าประกอบด้วยเมตตาหรือไม่