กสิณ ๑๐ โดยนัยที่ต่างกันของสมถะกับวิปัสสนา


    สำหรับในเรื่องกสิณ ๑๐ มีท่านผู้ใดสงสัยไหมคะ เพราะฉะนั้น สำหรับในยุคนี้ สมัยนี้ ผู้ที่อบรมเจริญสติปัฏฐาน และเห็นคุณประโยชน์ ของกุศล ประการอื่นๆ ด้วย เช่น ทาน ศีล และความสงบ จะมีท่านผู้ใดที่ไปแสวงหา กสิณ ๑๐ มาทำให้จิตสงบ ไหมคะ ในเมื่อทางตา ก็กำลังเห็นอยู่แล้ว ถ้าสติจะระลึกรู้ลักษณะ สภาพธรรมที่ ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล ไม่ใช่ตัวตน ก็เป็นการอบรมเจริญปัญญา ขั้นที่จะละการยึดถือว่าเป็นเราเห็น หรือว่าสิ่งที่เห็นนั้นเป็นเรา หรือว่าเป็นของเรา ก็สามารถที่จะเกิดความสงบที่ประกอบด้วยปัญญาได้ เพราะฉะนั้น การที่จะระลึกรู้ลักษณะของปฐวี โดยนัยของสมถะ ก็เพียงแต่เตือนให้นึกถึง ความไม่มีสาระของปฐวี ที่ไม่ควรยินดีพอใจ แตว่าโดยนัยของวิปัสสนานั้น ระลึกรู้ลักษณะที่ปรากฏ ที่กระทบกาย ที่อ่อน หรือที่แข็ง จริงๆ ไม่ต้องอาศัยนิมิต เครื่องหมาย ที่จะทำให้สงบ แต่ว่าระลึกรู้ลักษณะของสภาพของธาตอ่อน หรือแข็งที่กำลังปรากฏ แล้วก็เห็นความไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล จริงๆ ในขณะนั้น เป็นสัจธรรม ขณะที่สติระลึกก็ปรากฏความไม่ใช่ตัวตน ไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เพราะเป็นแต่เพียงลักษณะที่อ่อนหรือแข็ง เท่านั้น เพราะฉะนั้น การอบรมเจริญความสงบในชีวิตประจำวัน สำหรับผู้ที่เข้าใจ เรื่องการเจริญสติปัฏฐาน ก็จะไม่มีท่านผู้ใดไปอาศัยความ สงบโดยเพ่งจ้องที่กสิณ มีไหมคะ ห้ามได้ไหมคะ ถ้าใครคิดจะทำอย่างนั้น ก็เป็นเรื่องของแต่ละท่าน สภาพธรรม ที่กำลังปรากฏ ก็แสนยากที่จะละการยึดถือว่าเป็นตัวตน เป็นสัตว์ เป็นบุคคล เพราะฉะนั้น ถ้าไปเจริญวิธีอื่น ที่ไม่รู้ชัดในสภาพธรรม ที่ปรากฏก็ยากเหลือเกิน ที่ปัญญาจะคมกล้าได้ในวัน ๑ ก็ยอมยิ่งช้าไปอีก อย่าลืม ว่าแม้ครั้งที่พระผู้มีพระภาค ยังไม่ปรินิพพาน พระอริยสาวก ซึ่งบรรลุ คุณธรรมเป็นพระอริยเจ้า โดยที่ไม่ได้ฌานนั้น มีมากกว่าผู้ที่ไม่ได้ฌานด้วย


    หมายเลข 4806
    3 ส.ค. 2567