ประโยชน์ของการคิดถึงกุศลที่เคยกระทำแล้ว
ท่านผู้ฟังเคยคิดถึงกุศลที่เคยทำมาแล้วหรือเปล่า ? เคย
ระลึกถึงแล้วเป็นอย่างไรบ้างคะ นี่เป็นข้อสำคัญต่อไป ไม่ใช่หยุดอยู่เพียงแค่เคยใช่ไหมคะ เพราะเหตุว่าทุกคนก็เคยคิดถึงกุศลบ้าง อกุศลบ้างที่ผ่านมาแล้ว อย่าลืมว่าสติปัฏฐานระลึกรู้สภาพจิตซึ่งกำลังมีกุศลที่ได้เคยทำมาแล้วเป็นอารมณ์ หรืออกุศลที่เคยทำมาแล้วเป็นอารมณ์ ประโยชน์อยู่ที่ขณะนั้น เพราะเหตุว่าถ้าระลึกถึงกุศลที่ได้เคยทำมาแล้ว จิตผ่องใสเบิกบาน ขณะนั้นเป็นกุศลอีก และอาจจะคิดถึงกุศลที่จะกระทำต่อไปอีก เพราะเหตุว่าได้เคยกระทำกุศลอย่างนั้นแล้ว ก็ใคร่ที่จะกระทำกุศลอย่างนั้นอีก
เพราะฉะนั้นประโยชน์ของการที่คิดถึงกุศลที่เคยทำแล้ว ก็คือสามารถที่จะทำให้กุศลเจริญขึ้น งอกงามไพบูลย์ขึ้น แต่ถ้าขาดสติสัมปชัญญะระลึกถึงกุศลที่ได้ทำแล้ว เกิดมานะความสำคัญตน หรือว่าเกิดโลภะ หรือว่าเกิดความปรารถนาอย่างใดอย่างหนึ่งขึ้น โดยไม่รู้ เช่น มีท่านผู้หนึ่งท่านก็เคยดื่มสุรา แล้วท่านก็ศึกษาธรรม ก็เห็นประโยชน์ว่า ควรที่จะรักษาศีลให้ครบถ้วน ไม่ควรจะขาดข้อหนึ่งข้อใดในศีล ๕ ท่านก็รักษาศีล ๕ แล้วท่านก็ถามว่า ทำไมรักษาศีล ๕ แล้วไม่เห็นปีติเลย
ต้องการอะไรคะ มาแล้ว ต้องการปีติ เพื่อปีติ เพื่ออย่างหนึ่งอย่างใด แต่ถ้าไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่สัตว์ ไม่ใช่บุคคล เป็นการสะสมทางฝ่ายกุศลเพิ่มขึ้นทีละเล็กทีละน้อย โดยการรู้เหตุ จะเกิดปีติได้ว่า กำลังสะสมสภาพธรรมที่เป็นอารัมมณาธิปติที่เป็นฝ่ายกุศล
เพราะฉะนั้นเรื่องที่จะไม่ให้โลภะเกิด จะต้องเป็นผู้ที่ละเอียดจริง ๆ และต้องรู้ด้วยว่า เหตุอะไรจะทำให้โลภะไม่เกิด หรือว่ากุศลจะเกิดได้คือ แทนที่จะคอยว่าน่าจะปีติแล้ว เพราะเหตุว่าได้รักษาศีล ๕ แล้ว แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นก็เป็นอาการของความหวังอย่างหนึ่ง ซึ่งเป็นอกุศล แต่ถ้าไม่หวังปีติเลย แต่รู้ว่าขณะนี้กำลังสะสมอารัมมณูปนิสสยปัจจัยฝ่ายกุศล ซึ่งวันหนึ่งต้องมีกำลังขึ้น ขณะนั้นปราศจากความหวัง หรือความเป็นตัวตน ก็ย่อมจะเกิดปีติได้
นี่ก็เป็นเรื่องที่แต่ละคนก็ควรที่จะพิจารณาสภาพธรรม ซึ่งจะต้องเป็นสติสัมปชัญญะ จึงจะสามารถรู้ลักษณะของสภาพธรรมที่กำลังปรากฏตามความเป็นจริงได้ถูกต้อง มิฉะนั้นแล้วกุศลและอกุศลซึ่งเกิดดับสลับกันอย่างรวดเร็ว จะทำให้ปัญญาไม่สามารถที่จะรู้ชัดแจ่มแจ้งได้ว่า ขณะใดเป็นกุศล และขณะใดเป็นอกุศล